namneung
เกษตรกรมือใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 1507
|
น่าสนใจมากเลยค่ะ ฟางข้าวที่ไร่มน ปีที่แล้วเผาทิ้งเกือบครึ่้งปีนี้ คงต้องรบกวนอาจารย์ขอความรู้เรื่องทำปุ๋ยหมักมาใช่ใน่ไร่บ้างแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
tera
เกษตรกรมือใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 4191
|
ก่อนอื่นต้องขอ ขอบคุณอาจารย์ tera มากเลยครับ ผมจะำนำความรู้นี้ไปทำดูครับ ฟางแถวบ้านผมจะได้เกิดประโยนชนฺ์มากขึ้น มากกว่าการเผาทำลายก่อให้เกิดผลเสียหลายด้าน ผมอยู่จังหวัดชัยนาท มีการทำนาเป็นส่วนใหญ่หลังจากเกี่ยวข้าวแล้วผมจะรีบเก็บฟางมาหมักปุ๋ย และจะนำวิธีการของอาจารย์เผยแพร่ต่อชุมชนให้รับความรู้มากทีสุดต่อไปครับ ก่อนหน้านี้ผมก็เก็บฟางมาคลุมต้นไม้ในสวน บอกกับคนข้างบ้านว่าอย่าเผาเลยดินเสียโลกร้อนด้วย"แต่ได้ีัรับคำตอบว่าถ้าไม่เผาแล้วจะเอาไปทำอะไร ขนก็เหนื่อยนะนาหลายไร่" ผมก็ได้แต่มึนงงตอบไม่ถูกได้แต่บ่นในใจทำไมไม่มีหน่วยงานคิดค้นวิธีนำฟางไปใช้ให้เกิดคุณค่าบ้าง"นอกจากการทำเห็ดฟาง แต่ตอนนี้ผมมีคำตอบแล้ว  ขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้งครับ - ขอบคุณมากครับ เราคงต้องทำเป็นตัวอย่างไปก่อน - ฟางในนา ควรนำไปขึ้นกองปุ๋ยในนา ใกล้ ๆ แหล่งน้ำ (คลอง คลองซอย) จะได้ไม่ต้องขนไปมา แบ่งทำหลายกอง หลายจุด ถ้ากลัวกองปุ๋ยแช่น้ำ ก็อาจจะปั้นคันดินล้อมรอบก็ได้ วุ่นวายนิดนึง แต่ดินจะอุดมสมบูรณ์ดีครับ - การเผาฟางในนา ส่งผลให้ดินแน่นแข็ง จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์จะตายหมด สวนทางกับสิ่งที่พวกเราจะทำกัน แถมอินทรีย์วัตถุในดินที่มีน้อยอยู่แล้วก็พลอยระเหยไปกับความร้อนด้วย น่าเสียดายครับ 
Liked By: konthain(นพ), oFFja, ดวงพร, deer art, nongparei, cjaranram, eight, sompol, pp_79, rangsan_10, pood64, AMOL, MeeSook, nipun, Karamar, Ekachaiyan, 5XXA
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
tera
เกษตรกรมือใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 4191
|
- แล้วก็มีเครือข่ายของแม่โจ้อีกแห่งหนึ่งครับ ที่ผลิตปุ๋ยหมักปริมาณมากแบบไม่ต้องพลิกกลับกอง แล้วนำไปใช้ในงานเกษตรกรรม แกทำปุ๋ยมากก็ใช้มาก จนไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีเลย
- แกเป็นปราชญ์ชาวบ้านของลำพูนครับ ชื่อสุรัตน์ อยู่ที่บ้านห้วยแหนพัฒนา ตำบลป่าไผ่ อำเภอลี้ ลำพูน เป็นประธานกลุ่มเกษตรอินทรีย์บ้านห้วยแหนพัฒนา เป็นคนหัวไว กล้าเปลี่ยนแปลง พร้อมที่จะช่วยเหลือเป็นวิทยากรให้กับชุมชนอื่นเสมอ
- แกเคยมาอบรมที่แม่โจ้ปี 2547 เรื่องการทำปุ๋ยหมักแบบเติมอากาศ พอกลับไปบ้านก็ไปทำครับ และก็ได้ทำเรื่อยมา มาในปีนี้ก็ได้เปลี่ยนไปทำปุ๋ยหมักปุ๋ยอินทรีย์แบบใหม่โดยไม่ต้องใช้พัดลมแล้ว
- วันก่อนได้มีโอกาสไปเยี่ยม ก็พบว่าแกซื้อที่ดินอีกแปลงใกล้ ๆ ที่เดิม ที่นี่มีต้นลำไยของเจ้าของเดิม แกก็จัดการปรับปรุงทั้งดินทั้งใบ ที่ดินนอกทรงพุ่มก็จัดการปลูกพืชผสมผสาน แล้วแปลงโฉมที่ดินเป็นฐานเรียนรู้ 5 ฐานครับ เพื่อให้เกษตรกรมาดูงาน
Liked By: konthain(นพ), ดวงพร, กัญจน์, deer art, cjaranram, sompol, ครูซอส, AMOL, babaecom, aun17, jobrard, Karamar, angy, Ekachaiyan, fajung, lief36, Ratthapatch, 5XXA, varapornpongsopa, patana-9
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 22, 2012, 06:15:20 AM โดย tera »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ครูซอส
เกษตรกรมือใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 8122
|
ที่โรงงานน้ำตาลใกล้บ้านครูซอส มีดินขี้เถ้ากับดินขี้ด่างมากมาย ราคาตันละ 40 บาท ค่าขนส่ง คันสิบล้อ เที่ยวละ 300 บาท ..อาจารย์ช่วยคิดสูตรนำของเหล่านี้มาสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้หน่อยได้ไหมคะ ขอบคุณค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
phueng
เกษตรกรมือใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 22
|
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
tera
เกษตรกรมือใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 4191
|
ที่โรงงานน้ำตาลใกล้บ้านครูซอส มีดินขี้เถ้ากับดินขี้ด่างมากมาย ราคาตันละ 40 บาท ค่าขนส่ง คันสิบล้อ เที่ยวละ 300 บาท ..อาจารย์ช่วยคิดสูตรนำของเหล่านี้มาสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้หน่อยได้ไหมคะ ขอบคุณค่ะ
- ครูซอสครับ ผมเคยข่วยโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ลำพูนเพื่อเอาขี้เถ้ามาผสมกับปุ๋ยอินทรีย์แล้วค่อยนำไปใช้ แต่ว่าการผสมยุ่งยากมาก เพราะขี้เถ้าเป็นผงปลิวเข้าตา แถมเป็นด่างจัด กัดมืออีก พีเอชตั้ง 12 ก็เลยไม่สำเร็จ กะว่าถ้าสำเร้จจะเอาไปใส่นาชาวบ้านที่ดินเป็นกรดจากการใช้ปุ๋ยเคมีอย่างยาวนาน ตกลงล้มเหลวครับ - ไม่รู้ว่าขี้เถ้าจะเหมือนกันหรือไม่ แต่ของที่นี่เวลาโดนหญ้าแล้วหญ้าตายครับ - ในทางทฤษฎีแล้ว ผมคิดว่าน่าจะนำไปใส่นาที่ดินเป็นกรดได้ เพื่อปรับให้ดินเป็นกลาง เกษตรกรจะได้ไม่ต้องเผาฟางเอาขี้เถ้า แต่ในทางปฏิบัติแล้วยุ่งยากครับ ขนก็ลำบาก ใช้ก็ลำบาก เป็นฝุ่น กัดมือ - ต้องมีนักคิดอีกหลายท่านสามารถลงมือ นำขี้เถ้าไปใช้ประโยชน์แน่ ๆ ในอนาคตครับ - อย่างเช่น เอาไปทำสบู่ น้ำยาล้างจาน หรือเอาไปล้างน้ำเพื่อลดความเป็นด่าง แล้วเอาน้ำด่างนั้นไปใช้ในงานอุตสาหกรรมครับ
Liked By: ครูซอส, deer art, sompol, AMOL, yong9, psit, Ekachaiyan, fajung, lief36, Ratthapatch, 5XXA, varapornpongsopa
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
tera
เกษตรกรมือใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 4191
|
- มาดูพี่สุรัตน์ ปราชญ์ชาวบ้าน ยังดูหนุ่มแน่นมากเลย  - ฐานเรียนรู้ทำน้ำส้มควันไม้ของที่นี่ น้ำสัมก็ขายได้ ถ่านก็ขายได้ นอกจากนั้นก็ยังมีฐานน้ำหมักชีวภาพ ฐานสกัดสมุนไพร ฐานทำปุ๋ยหมักแบบไม่พลิกกลับกอง ฐานปลูกผักอินทรีย์  - แกปลูกผักผสมผสานระหว่างทรงพุ่มลำไยโดยใช้แค่ปุ๋ยหมักที่ทำเอง ติดสปริงเกลอร์ซะ แกอธิบายว่าด้วยการขายผักนี้ทำให้แกมีรายได้ประจำทุกวัน ปีนึงก็ได้เป็นแสน (วันละ 200-300 บาท) ได้พอ ๆ กับลำไย 6 ไร่ ตอนนี้ปลดหนี้ ธกส.ได้แล้วจากการเกษตรแบบนี้  - โชว์ปุ๋ยจากในกองครับว่าเปื่อยขนาดไหน 
Liked By: ดวงพร, ครูซอส, กัญจน์, oFFja, deer art, nongparei, cjaranram, sompol, pp_79, AMOL, yong9, psit, aun17, Karamar, angy, Ekachaiyan, fajung, lief36, Ratthapatch, 5XXA, varapornpongsopa, patana-9
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
tera
เกษตรกรมือใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 4191
|
- ปุ๋ยที่แห้งแล้ว แล้วนำไปตีป่น ถ้ามีเกษตรกรมาขอซื้อแกก็ขายครับ มีทั้งแบบป่นและแบบปั้นเม็ดแล้วแต่ลูกค้า เงินทั้งนั้น (ถึงตอนนี้จำได้ว่า พ่อเคยสอนว่าอย่าหมื่นเงินน้อย อย่าคอยเงินนาน และอีกประโยคครับ ให้สร้างโอกาสอย่ารอโอกาสอย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจ)  - ตรงไหนว่างก็ขึ้นกองปุ๋ยซะเลย  - ต้นข้าวโพดที่ขึ้นเองข้างกองปุ๋ย แกชี้ให้เห็นว่านี่ไม่ได้ใช้ปุ๋ยเคมีเลยแต่ฝักก็เริ่มออกมาให้เห็นแล้ว  - แกไปเก็บกะหล่ำปลีให้ผมเอากลับบ้านครับ หัวโตดีแท้ อร่อยครับ กรอบ หวาน (เคยทานคะน้าอินทรีย์ไหมครับ กรอบ หวาน และไม่มีกลิ่นยาเคมีน่ะ ..... ให้ไปหาซื้อมาผัดดูนะครับ)  - วันนั้นพอดีช่วงบ่ายมีเกษตรกรมาฝึกอบรม 80 คน ก็เลยอยู่ฟังด้วย  - คนมาอบรมเป็นปลื้มกับกะหล่ำปลีอินทรีย์หัวใหญ่ ๆ 
Liked By: ครูซอส, กัญจน์, oFFja, deer art, ดวงพร, roong2000, nongparei, tass08, cjaranram, sompol, mskh875, keawjah, pp_79, AMOL, psit, aun17, nipun, Karamar, angy, Ekachaiyan, fajung, lief36, Ratthapatch, 5XXA, s.prakarn, patana-9
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 19, 2012, 07:00:34 AM โดย tera »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
tera
เกษตรกรมือใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 4191
|
- ขอขอบพระคุณปราชญ์ และตัวอย่างผู้นำเกษตรกรที่ได้เอ่ยถึงในกระทู้นี้ ที่ทำให้มีตัวอย่างดี ๆ  สร้างความมั่นใจให้กับสมาชิก กพพ. เพื่อจะได้นำไปปฏิบัติใช้แล้วขยายผลไปมาก ๆ ช่วยคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยต่อไป จะได้ลดหนี้ลงให้หมด - ผิดพลาดประการใด ผมก็จะขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียวครับผม
Liked By: konthain(นพ), กัญจน์, oFFja, pornpim, deer art, โจ้, spyman, ดวงพร, nongparei, sompol, san, ครูซอส, chumpla, AMOL, yong9, aun17, Karamar, angy, Ekachaiyan, lief36, 5XXA, patana-9, pop724
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
tera
เกษตรกรมือใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 4191
|
- แล้วก็มีกลุ่มเกษตรอินทรีย์บ้านแพะพัฒนา ต.เขื่อนผาก อ.พร้าว เชียงใหม่ ประธานกลุ่มชื่อลุงศรี จะมาเล่าให้ฟังครับ
- ประธานศรีเคยปลูกผักเคมีมา แต่มีเหตุการณ์พลิกผันทำให้ต้องเลิกครับ คือแกเคยเกือบตายมาครั้งหนึ่ง ถึงขั้นนอนโรงพยาบาล เพราะไปกินผักสดของแม่ค้าส้มตำที่ปนเปื้อนยาฆ่าแมลง แกเลยสาบานว่าจะไม่กินผักของใครอีก และจะปลูกผักอินทรีย์เองให้ได้ ตอนนั้นแกถึงกับทะเลาะกับเมียอย่างหนัก เพราะเมียไม่เชื่อว่าจะมีใครปลูกผักได้โดยไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีไม่ใช้ยาเคมี
- ในปี 2548 ผมได้งบวิจัยจาก สวทช.ซื้อพัดลม ท่อ เพื่อให้กลุ่มของแกผลิตปุ๋ยหมักแบบเติมอากาศ กลุ่มนี้ก็เลยเหมือนกับติดปีก สามารถทำเกษตรอินทรีย์ได้มาเรื่อย ๆ
- ตอนนี้กลุ่มนี้ก็เลิกทำปุ๋ยแบบเติมอากาศแล้ว และหันมาทำแบบกองแถวยาวไม่พลิกกลับกองแทน เพราะง่ายกว่ามาก โดยในปี 52 สวทช.ก็ตามมาสนับสนุนทุนเพื่อให้ 20 ครัวเรือนของหมู่บ้านนี้ทำปุ๋ยอินทรีย์ครัวเรือนละ 2 ตัน เพื่อศึกษาความพึงพอใจและความคิดเห็นครับ
- กลุ่มนี้เป็น 1 ใน 4 ของกลุ่มเกษตรอินทรีย์ดอกคำของเชียงใหม่ ที่ส่งข้าวอินทรีย์ขายต่างประเทศกิโลกรัมละ 40 บาท (ราคาในปี 49 ตอนนี้คงสูงกว่านี้) แถมพ่อกำนันประพันธ์ ซึ่งเป็นสมาชิก ตอนนี้ขึ้นไปเป็นนายก อบต.เขื่อนผาก ก็เลยทำให้เกษตรอินทรีย์เป็นยุทธศาสตร์ของตำบลนี้ไป กลุ่มนี้ส่งผักอินทรีย์ขายในราคาท้องตลาดปกติ โดยส่งไปขายที่แม่โจ้ทุกวันพุธ วันอื่นก็ขายที่ตลาดอิ่มบุญ ตลาดเจเจ นอกเหนือจากขายที่ตลาดในชุมชน
- ที่เล่ามานี้ ก็เพื่อให้เห็นว่าการปรับปรุงบำรุงดินด้วยปุ๋ยหมักปุ๋ยอินทรีย์ จะสามารถทำการเพาะปลูกได้โดยไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีสารเคมีเลย ทีนี้หากสมาชิก กพพ.ยังไม่พร้อมที่จะหักดิบ ก็อาจใช้ปุ๋ยเคมีร่วมด้วยกับปุ๋ยอินทรีย์ ผลิตผลต้องได้แน่นอนครับ (แต่ไม่ควรซื้อปุ๋ยอินทรีย์ของใครใช้นะครับ ถ้ามีความพอเพียงอยู่ในใจ ทำเองดีกว่า)
Liked By: ดวงพร, roong2000, nongparei, oFFja, sompol, pp_79, ครูซอส, AMOL, yong9, ไก่โต้ง, aun17, wee, Karamar, Ekachaiyan, fajung, lief36, 5XXA, patana-9
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 22, 2012, 09:29:32 AM โดย tera »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ดวงพร
เกษตรกรมือใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 4714
คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกทำชีวิตให้ดีได้
|
ขอบคุณอาจารย์มากๆค่ะที่มีรูปภาพการทำเกษตรผสมผสานแบบบ้านๆที่ ทุกคนสามารถทำได้มาให้ สมาชิกท่านอื่นๆได้ชมและได้เป็นแรงบันดาลใจที่จะทำตามให้เกิดความสำเร็จ พึ่งตัวเองได้ ค่ะ อาจารย์มีรูปภาพการทำเกษตรผสมผสานแบบบ้านๆอีกเอามาดูเยอะๆนะคะ ชอบมากค่ะ  ;Dมาร่วมด้วยช่วยกันให้สมาชิกได้ทำสำเร็จจะได้พึ่งตัวเอง 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
kmsmily
เกษตรกรมือใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 3554
|
ก่อนอื่นต้องขอ ขอบคุณอาจารย์ tera มากเลยครับ ผมจะำนำความรู้นี้ไปทำดูครับ ฟางแถวบ้านผมจะได้เกิดประโยนชนฺ์มากขึ้น มากกว่าการเผาทำลายก่อให้เกิดผลเสียหลายด้าน ผมอยู่จังหวัดชัยนาท มีการทำนาเป็นส่วนใหญ่หลังจากเกี่ยวข้าวแล้วผมจะรีบเก็บฟางมาหมักปุ๋ย และจะนำวิธีการของอาจารย์เผยแพร่ต่อชุมชนให้รับความรู้มากทีสุดต่อไปครับ ก่อนหน้านี้ผมก็เก็บฟางมาคลุมต้นไม้ในสวน บอกกับคนข้างบ้านว่าอย่าเผาเลยดินเสียโลกร้อนด้วย"แต่ได้ีัรับคำตอบว่าถ้าไม่เผาแล้วจะเอาไปทำอะไร ขนก็เหนื่อยนะนาหลายไร่" ผมก็ได้แต่มึนงงตอบไม่ถูกได้แต่บ่นในใจทำไมไม่มีหน่วยงานคิดค้นวิธีนำฟางไปใช้ให้เกิดคุณค่าบ้าง"นอกจากการทำเห็ดฟาง แต่ตอนนี้ผมมีคำตอบแล้ว  ขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้งครับ - ขอบคุณมากครับ เราคงต้องทำเป็นตัวอย่างไปก่อน - ฟางในนา ควรนำไปขึ้นกองปุ๋ยในนา ใกล้ ๆ แหล่งน้ำ (คลอง คลองซอย) จะได้ไม่ต้องขนไปมา แบ่งทำหลายกอง หลายจุด ถ้ากลัวกองปุ๋ยแช่น้ำ ก็อาจจะปั้นคันดินล้อมรอบก็ได้ วุ่นวายนิดนึง แต่ดินจะอุดมสมบูรณ์ดีครับ - การเผาฟางในนา ส่งผลให้ดินแน่นแข็ง จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์จะตายหมด สวนทางกับสิ่งที่พวกเราจะทำกัน แถมอินทรีย์วัตถุในดินที่มีน้อยอยู่แล้วก็พลอยระเหยไปกับความร้อนด้วย น่าเสียดายครับ  การเผาฟางในนาข้าวจะทำให้สูญเสียธาตุอาหารหลัก ธาตุรอง และจุลธาตุ แต่ละธาตุไปกี่เปอร์เซ็นครับ เช่น สมมุติในฟางข้าวมี N = 7.6 กก.,Ca = 3.8 กก.,Si = 41.9 กก. เป็นต้น (อาจารย์มีข้อมูลผลวิจัยไหมครับ) ผมอยากรู้มานานแล้ว จะได้คำนวนออกมาเป็นตัวเงินเวลาไปคุยกับชาวบ้านที่ชอบเผาฟาง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
tera
เกษตรกรมือใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 4191
|
- ประธานศรีครับผม  - กองปุ๋ยทำจากกากถั่วเหลืองกับขี้วัว (กองปุ๋ยต้องสูง 1.5 เมตร เป็นรูปสามเหลี่ยมนะครับ ทำสลับเศษพืชกับมูลสัตว์ 15-17 ชั้น ห้ามทำชั้นเศษพืชหนา ห้ามเหยียบ ห้ามเอาผ้าคลุม รดน้ำทุกชั้น ไม่ต้องพลิกกลับกอง หัวใจความสำเร็จอยู่ที่การรักษาความชื้นตลอดเวลา สองเดือนเสร็จ)  - มีลุงอยู่คนนึงในกลุ่มดอกคำ ปลูกผสมผสานในแปลงเดียวกัน เอาฟางคลุมแปลงเพื่อป้องกันหญ้าและรักษาความชื้น ปลูกต้นหอมผักชี พร้อมกับพริกและขิงในแปลงเดียวกัน รดน้ำทีเดียวได้ทุกพืช ผักชีต้นหอมพอเก็บขายหมดก็เก็บพริกขายต่อ พอพริกเริ่มวายขิงก็โตพอดี ฟางก็เปื่อยพอดี ลุงแกเอามือเจาะดินให้เห็นเลยว่าดินของแกนุ่มอย่างไร ผมเห็นใส้เดือนดิ้นกระแด่ว ๆ ด้วย แสดงว่าจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดินมีมาก ลุงแกปลูกไผ่ริมรั้วเพื่อใช้ทำค้าง ก็ลดปัจจัยภายนอกได้มากเลยครับ  - ข้าวอินทรีย์ครับ ปลูกแบบนาหว่าน  - ดูลุงคนนี้ปลูกสิครับ ผสมผสานสุดยอด ทุกอย่างเก็บขายได้หมด กล้วยพอตัดเครือก็ล้มเอาไปทำปุ๋ย มีต้นมะแคว่น (สมุนไพรใส่ลาบเชียงใหม่) ที่เก็บขายได้ แล้วยังมีสับปะรด ผักกินกับลาบ ขิงข่ากระชาย ที่สามารถขายได้ทุกวันหมุนเวียนไป แกบอกว่าแมลงไม่ค่อยมารบกวน สงสัยจะเวียนหัวครับ  - ทางเดินในสวนแกปลูกผักที่ขายได้ทั้งหมด ส่วนลำไยแกไม่สนครับ เพราะไม่ทำกำไรมาหลายปีแล้ว ตอนนี้แกเอาต้นลำไยเป็นค้างปลูกฟักแฟงครับ ตลกมาก   - ส่วนพี่รสรินทร์นี่แกปลูกส้มอินทรีย์ครับ ทำสปริงเกลอร์ผสมน้ำหมักที่โคนต้น ก็ได้ส้มเยอะเหมือนกัน แกเคยปลูกส้มเคมีแล้วเจ๊งครับ ตอนนี้พ่อค้าเขามาเหมาสวนทุกปี จะเปรี้ยวยังไงก็เอา ส้มจะลายก็เอา แถมไม่ต้องแว็กซ์อีกด้วย ก็ได้ดีไปครับ เรื่องส้มเคมีนี่ต้องขยายในเวลาต่อไปครับ 
Liked By: ดวงพร, oFFja, cjaranram, sompol, ครูซอส, AMOL, yong9, aun17, wee, Karamar, Ekachaiyan, fajung, lief36, NoomRatburi, 5XXA, varapornpongsopa, s.prakarn
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 19, 2012, 07:09:08 AM โดย tera »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
chauat
เกษตรกรมือใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 446
|
ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
tera
เกษตรกรมือใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 4191
|
การเผาฟางในนาข้าวจะทำให้สูญเสียธาตุอาหารหลัก ธาตุรอง และจุลธาตุ แต่ละธาตุไปกี่เปอร์เซ็นครับ เช่น สมมุติในฟางข้าวมี N = 7.6 กก.,Ca = 3.8 กก.,Si = 41.9 กก. เป็นต้น (อาจารย์มีข้อมูลผลวิจัยไหมครับ) ผมอยากรู้มานานแล้ว จะได้คำนวนออกมาเป็นตัวเงินเวลาไปคุยกับชาวบ้านที่ชอบเผาฟาง - ตอบคุณคุณ kmsmily นะครับ ผมขอลอกจากกรมพัฒนาที่ดินมาดังนี้นะครับ ลึก ๆ กว่านี้ผมก็ไม่ได้แล้วครับ  - "ปัจจุบัน พื้นที่การเกษตรกรรมของประเทศไทยมีระดับปริมาณอินทรียวัตถุในดินค่อนข้างต่ำมาก ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ถึง 191 ล้านไร่ หรือคิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด เนื่องจากธาตุอาหารในดินสูญเสียไปอยู่ในส่วนของพืชเป็นปริมาณสูง จากการสำรวจวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรพบว่า ในแต่ละปีมีปริมาณตอซังและฟางข้าวมากกว่า 29 ล้านตัน ตอซังข้าวโพด 7.8 ล้านตัน ตอซังและเศษใบอ้อย 2 ล้านตัน และเศษพืชตระกูลถั่วและข้าวฟ่างพืชไร่ชนิดอื่น 2.4 ล้านตัน จากปริมาณวัสดุดังกล่าวเมื่อคำนวณเป็นปริมาณปุ๋ยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมเท่ากับ 2.8, 0.7 และ 5.9 แสนตัน คิดเป็นมูลค่า 1,930.2, 741.4 และ 4,731.4 ล้านบาท ตามลำดับ รวมเป็นมูลค่าของปุ๋ยทั้งสิ้น 7,043 ล้านบาท ดังนั้น การเผาทำลายเศษพืชแต่ละครั้งจึงเท่ากับเป็นการสูญเสียอินทรียวัตถุและธาตุอาหารในดินเป็นจำนวนมาก (กรมพัฒนาที่ดิน. ไม่ปรากฏปี)"
Liked By: ดวงพร, ครูซอส, kmsmily, tung3955, oFFja, cjaranram, pp_79, konthain(นพ), AMOL, wee, angy, fajung, varapornpongsopa, s.prakarn
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 22, 2012, 10:07:50 AM โดย tera »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
tera
เกษตรกรมือใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 4191
|
- ทีนี้ถ้าเรามีเศษใบไม้สัก 1 กะละมัง อยากเอาไปทำปุ๋ยอินทรีย์ จะทำได้ยังไง เพราะปริมาณมันน้อย ไม่พอที่จะทำเป็นกองใหญ่ ๆ - ก็มีวิธีครับ ให้เอาเศษใบไม้ 3 ส่วน ผสมคลุกเคล้ากับมูลสัตว์ (ขี้วัวก็ได้) อีก 1 ส่วนโดยปริมาตรในกะละมัง (คะเนด้วยสายตาก็พอครับ เช่นใบไม้ 3 ถุง มูลสัตว์ 1 ถุง)   - ผสมน้ำลงไปแล้วคลุกเคล้า เติมน้ำในปริมาณที่ทำให้วัสดุไม่แห้งเกินไป ไม่เปียกโชกเกินไป  - คลุกเคล้าวันละครั้ง จะบีบไป ขยำไป ก็ยิ่งดี จะใส่ถุงมือก็ได้ จะเอาไม้เขี่ยพลิกก็ดีครับ ถ้าแห้งก็เติมน้ำซะ วัสดุในกะละมังก็จะเริ่มเปลี่ยนสี เริ่มเปื่อยยุ่ย แต่ไม่มีกลิ่น ไม่มีน้ำเสีย ไม่ดึงดูดแมลงวัน และปริมาตรเริ่มหดลงทุกวัน - เอากะละมังแอบไว้ใต้ต้นไม้ก็ดี จะได้ไม่แห้งเร็วและเวลาฝนตกน้ำจะได้ไม่ขัง ใครจะใช้กะละมังแตกที่ก้น หรือจะเจาะรูที่ก้นก็ได้   - พลิกกลับวันละครั้ง คอยเติมน้ำอย่าให้แห้ง พอครบ 30 วันก็ถือว่าเป็นปุ๋ยอินทรีย์แล้ว แต่ยังใช้ไม่ได้ ต้องทำให้แห้งเสียก่อนโดยอาจตากแดดก่อนนำไปใช้ พอแห้ง ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้จะมีขนาดเล็ก นุ่ม มีสีดำ สามารถนำไปใช้ในการปลูกต้นไม้ที่บ้านได้อย่างดี - เหตุที่ใช้เศษใบไม้ 3 ส่วน ใช้มูลสัตว์ 1 ส่วน ก็เพื่อให้มีคาร์บอนและไนโตรเจนเพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ จุลินทรีย์ก็มาจากมูลสัตว์ คาร์บอนมาจากเศษใบไม้ ไนโตรเจนมาจากมูลสัตว์ - การคอยเติมน้ำจะทำให้จุลินทรีย์สามารถทำงานได้ ถ้าแห้งเกินไปก็ทำงานไม่ได้ - การพลิกกลับทุกวัน เป็นการนำอากาศไปให้จุลินทรีย์ใช้ เพราะจุลินทรีย์ที่ย่อยเศษพืชเก่งในกระบวนการทำปุ๋ยอินทรีย์เป็นจุลินทรีย์ที่ต้องการอากาศครับ - ทฤษฎีการทำปุ๋ยอินทรีย์มีแค่นี้ครับ ถ้าทำเล็ก ๆ ในกะละมังเป็น แล้วค่อยทำใหญ่ ๆ แบบวิศวกรรมแม่โจ้ 1 ก็น่าจะมั่นใจได้ - ลองทำนะครับ
Liked By: ครูซอส, nongparei, wirot, tung3955, oFFja, ดวงพร, eight, sompol, patatlantic, pp_79, ไม้หน้า3, konthain(นพ), pood64, AMOL, whisky, psit, ไก่โต้ง, aun17, jobrard, BoomBeam, wee, MeeSook, Karamar, Ekachaiyan, sydney97, woso, Sanya_Sr, fajung, lief36, NoomRatburi, 5XXA, s.prakarn, , patana-9
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|