หน้า: 1 [2] 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ... 433   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ชวนสมาชิกทำปุ๋ยหมักวิธีใหม่ของแม่โจ้ ไม่ต้องพลิกกลับกอง (มีสารบัญ)  (อ่าน 3073861 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
tera
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4191


« ตอบ #16 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 12:37:03 PM »

- แล้วอย่าลืมนะครับ หัวใจของการทำปุ๋ยอินทรีย์คือต้องรักษาความชื้นในและนอกกองปุ๋ยให้มีอยู่เสมอ อย่าให้บริเวณใดแห้ง
- การทำปุ๋ยอินทรีย์วิธีนี้เลยสามารถนำไปทำได้ในนา ในสวน ในแปลงเพาะปลูก (แต่ต้องอยู่ใกล้น้ำนะครับ) เพราะไม่ได้ใช้ไฟฟ้า ไม่ได้ใช้ท่อ จะได้ไม่ต้องขนวัสดุไปมา เปลืองเชื้อเพลิงอีก (ในสวนไม้ผลให้ทำนอกทรงพุ่มนะครับ ไม่งั้นต้นไม้จะตายจากความร้อนและความเค็มของปุ๋ย (ผมเคยทำต้นสักชาวบ้านตายมาแล้วครับ แฮ่ะ ๆ)
- พื้นก็ไม่ต้องเทคอนกรีต หลังคาก็ไม่ต้องมี ตากแดดตากฝน วางบนดินไว้อย่างนั้นแหล่ะครับ สุด ๆ ของความพอเพียงครับ ลืมคำว่าโรงปุ๋ยที่ต้องมีคอก มีพื้นคอนกรีตได้เลย
- แต่มันก็มีปัญหาบ้างนะครับ
- ปัญหานั้นก็คือ เวลาเรารดน้ำกองปุ๋ย น้ำจะชุ่มแค่ผิว หนาสักคืบนึงเท่านั้น น้ำจะไม่ยอมซึมลงข้างล่าง  ลังเล
- ขนาดที่ว่า ฝนที่ตกลงมาแถวภาคใต้ น้ำยังไม่ซึมลงไปเลยครับ (นี่แปลว่าเราสามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ในหน้าฝนได้ด้วย ไชโย......!  ยิ้มกว้างๆ)
- ที่เป็นเช่นนี้เพราะ เนื้อปุ๋ยในกองปุ๋ยมีคุณสมบัติที่เรียกว่า Field Capacity คล้ายกับอินทรีย์วัตถุในดินที่จะซับน้ำไว้กับตัว ไม่ยอมให้น้ำซึมลงข้างล่างง่าย ๆ (ทีนี้ทราบแล้วนะครับ ที่เขาสอนว่าดินที่อุดมสมบูรณ์ มีอินทรีย์วัตถุ จะช่วยซับน้ำซับแร่ธาตุ - สำหรับการซับแร่ธาตุนั้น ปุ๋ยอินทรีย์หรืออินทรีย์วัตถุจะมีคุณสมบัติที่ชอบจับประจุของแร่ธาตุไว้ด้วย ดังนั้น การใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์จึงพบเสมอว่าเราสามารถใช้ปุ๋ยเคมีในปริมาณน้อย ๆ ได้ หรือเรียกว่าเป็นการใช้ปุ๋ยเคมีอย่างมีประสิทธิภาพ)
บันทึกการเข้า

MR.Kasetsart
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 487


« ตอบ #17 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 12:40:26 PM »

อาจารย์ครับ ขอวิธีการทำเป็นขั้นตอนและการดูแลกองปุ๋ยตลอด 2 เดือนด้วยนะครับ ผมถือว่าเป็น
นวัตกรรมใหม่ในการผลิตปุ๋ยอินทรย์มีคุณค่าควรต่อการเผยแพร่เป็นอย่างยิ่งครับ
บันทึกการเข้า
tera
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4191


« ตอบ #18 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 12:44:59 PM »

- การทำปุ๋ยอินทรีย์วิธีนี้ แม่โจ้ตั้งชื่อว่าวิธี "วิศวกรรมแม่โจ้ 1" ครับผม
- วิธีการขึ้นกองปุ๋ยนะครับ

     1. นำเศษข้าวโพดหรือฟางข้าว 4 ส่วนกับมูลสัตว์ 1 ส่วนโดยปริมาตร (ถ้าเป็นเศษใบไม้ให้ใช้อัตราส่วน 3 ต่อ 1 โดยปริมาตร) วางเป็นชั้นบาง ๆ สูงไม่เกิน 10 เซนติเมตร จำนวน 15 - 17 ชั้น รดน้ำแต่ละชั้นให้มีความชื้น ขึ้นกองเป็นรูปสามเหลี่ยมที่มีความสูงไม่ต่ำกว่า 1.50 เมตร ฐานกว้าง 2.5 เมตร ส่วนความยาวของกองจะยาวเท่าไรก็ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณเศษพืชและมูลสัตว์ที่มี ความสำคัญของการที่ต้องทำเป็นชั้นบาง ๆ 15 - 17 ชั้นก็เพื่อให้จุลินทรีย์ที่มีอยู่ในมูลสัตว์ได้ใช้ทั้งธาตุคาร์บอน (มีอยู่ในเศษพืช) และธาตุไนโตรเจน (มีในมูลสัตว์) ในการเจริญเติบโตและสร้างเซลล์ของจุลินทรีย์ ซึ่งจะทำให้การย่อยสลายวัตถุดิบเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว
   
     2. รักษาความชื้นภายในกองปุ๋ยให้มีความเหมาะสมอยู่เสมอตลอดเวลา (มีค่าประมาณร้อยละ 60 – 70) โดยมี 2 ขั้นตอนดังนี้
     ขั้นตอนที่ 1 รดน้ำภายนอกกองปุ๋ยทุกเช้า (ถ้าฝนตกก็ให้งดขั้นตอนนี้)
     ขั้นตอนที่ 2 ใช้ไม้แทงกองปุ๋ยให้เป็นรูลึกถึงข้างล่างแล้วกรอกน้ำลงไป ระยะห่างของรูประมาณ 40 เซนติเมตร ทำขั้นตอนที่สองนี้ 5 ครั้ง ระยะเวลาห่างกัน 10 วัน เมื่อเติมน้ำเสร็จแล้วให้ปิดรูเพื่อไม่ให้สูญเสียความร้อนภายในกองปุ๋ย ขั้นตอนที่สองนี้แม้ว่าอยู่ในช่วงของฤดูฝนก็ยังต้องทำ เพราะน้ำฝนจะไม่สามารถไหลซึมเข้าไปในกองปุ๋ยได้ การที่ฝนไม่สามารถชะล้างเข้าไปในกองปุ๋ยได้เกษตรกรจึงสามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ด้วยวิธีนี้ในฤดูฝนได้ด้วย
     ภายในเวลา 5 วันแรก กองปุ๋ยจะมีค่าอุณหภูมิสูงขึ้นมาก บางครั้งสูงถึง 70 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับกองปุ๋ยที่ทำได้ถูกวิธี ความร้อนสูงนี้เกิดจากกิจกรรมการย่อยสลายของจุลินทรีย์ (จุลินทรีย์มีมากมายและหลากหลายในมูลสัตว์อยู่แล้ว) และความร้อนสูงนี้ยังเป็นสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมกับการทำงานของจุลินทรีย์ในกองปุ๋ยอีกด้วย หลังจากนั้นอุณหภูมิจะค่อย ๆ ลดลงจนมีค่าอุณหภูมิปกติที่อายุ 60 วัน 

     3. เมื่อกองปุ๋ยมีอายุครบ 60 วัน ก็หยุดให้ความชื้น กองปุ๋ยจะมีความสูงเหลือเพียง 1 เมตร แล้วทำปุ๋ยอินทรีย์ให้แห้งเพื่อให้จุลินทรีย์สงบตัวและไม่ให้เป็นอันตรายต่อรากพืช วิธีการทำปุ๋ยอินทรีย์ให้แห้งอาจทำโดยทิ้งไว้ในกองเฉยๆ ประมาณ 1 เดือน หรืออาจแผ่กระจายให้มีความหนาประมาณ 20 – 30 ซม. แล้วเกลี่ยไปมา ซึ่งจะแห้งภายในเวลา 3 – 4 วัน สำหรับผู้ที่ต้องการจำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์ก็อาจนำปุ๋ยอินทรีย์ที่แห้งแล้วไปตีป่นให้มีขนาดเล็กสม่ำเสมอ ซึ่งจะมีราคาประมาณกิโลกรัมละ 4-7 บาท
     กองปุ๋ยที่สูง 1.5 เมตรจะสามารถเก็บกักความร้อนที่เกิดจากปฏิกิริยาการย่อยสลายของจุลินทรีย์เอาไว้ในกองปุ๋ย ความร้อนนี้นอกจากจะเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับจุลินทรีย์ชนิดชอบความร้อนสูงที่มีในมูลสัตว์แล้ว เมื่อความร้อนนี้ลอยตัวสูงขึ้นจะทำให้อากาศภายนอกที่เย็นกว่าไหลเข้าไปในภายในกองปุ๋ย ซึ่งเกิดจากการพาความร้อนแบบ Chimney Convection อากาศภายนอกที่ไหลหมุนเวียนเข้ากองปุ๋ยนี้ช่วยทำให้เกิดสภาวะการย่อยสลายของจุลินทรีย์แบบใช้อากาศ
บันทึกการเข้า
tera
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4191


« ตอบ #19 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 12:50:12 PM »

- อย่าลืมนะครับ ...... หัวใจสำคัญของการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ด้วยวิธีนี้ คือ ต้องรักษาความชื้นภายในกองปุ๋ยให้มีความเหมาะสมอยู่เสมอตลอดเวลาทั้งภายในและภายนอกกองปุ๋ยด้วยวิธีการ 2 ขั้นตอนข้างต้น บริเวณใดที่แห้งเกินไปจุลินทรีย์จะไม่สามารถมีกิจกรรมการย่อยสลายได้ ทำให้วัสดุจะไม่มีการย่อยสลาย กระบวนการอาจใช้เวลานานถึง 6 เดือนถึง 1 ปีก็ได้

- ข้อห้ามของการผลิตปุ๋ยอินทรีย์วิธี “วิศวกรรมแม่โจ้ 1”
     1. ห้ามขึ้นเหยียบกองปุ๋ยให้แน่น หรือเอาผ้าคลุมกองปุ๋ย หรือเอาดินปกคลุมด้านบนกองปุ๋ย เพราะจะทำให้อากาศไม่สามารถไหลถ่ายเทได้
     2. ห้ามละเลยการดูแลความชื้นทั้ง 2 ขั้นตอน เพราะถ้ากองปุ๋ยแห้งเกินไปจะทำให้ระยะเวลาแล้วเสร็จนานและปุ๋ยอินทรีย์มีคุณภาพต่ำ
     3. ห้ามวางเศษพืชเป็นชั้นหนาเกินไป การวางเศษพืชเป็นชั้นหนาเกินไปจะทำให้จุลินทรีย์ที่มีในมูลสัตว์ไม่สามารถเข้าไปย่อยสลายเศษพืชได้
     4. ห้ามทำกองปุ๋ยใต้ต้นไม้ เพราะความร้อนของกองปุ๋ยอาจทำให้ต้นไม้ตายได้
     5. ห้ามระบายความร้อนออกจากกองปุ๋ย เพราะความร้อนสูงในกองปุ๋ยจะช่วยให้จุลินทรีย์ทำงานได้ดีมากขึ้น และยังช่วยให้เกิดการไหลเวียนของอากาศผ่านกองปุ๋ยอีกด้วย

- เพราะฉะนั้น ใครที่เอาท่อหรือไม่ไผ่เจาะรูมาเสียบกองปุ๋ยแนวดิ่ง แนวนอน ก็ผิดแล้วครับ เพราะที่หวังว่าจะได้อากาศไหลเข้ากองปุ๋ย แต่จะกลายเป็นว่าความร้อนหนีไปจากกองปุ๋ยเสียนี่ พอกองปุ๋ยเย็นจุลินทรีย์ก็เลยทำงานไม่ดี การไหลของอากาศเข้ากองปุ๋ยก็เลยไม่ได้ด้วย
บันทึกการเข้า
tera
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4191


« ตอบ #20 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 01:00:43 PM »

- แถมใครที่มีโรงปุ๋ย มีคอกซีเมนบล็อค ก็ผิดอีกครับ เพราะพออากาศร้อนลอยสูงขึ้น อากาศเย็นด้านข้างจะไหลเข้าแต่เข้าไม่ได้เพราะติดผนังบล็อค จุลินทรีย์ก็เลยไม่ได้อากาศสำหรับการย่อยสลาย
- ใครที่คิดขุดหลุมทำปุ๋ยก็ผิดครับ เพราะอากาศไหลเข้าด้านข้างไม่ได้ แถมพอฝนตกน้ำไปขังในหลุมจะเกิดกลิ่นเหม็นเน่า
- วิธีวิศวกรรมแม่โจ้ 1 เป็นเงื่อนไขการย่อยสลายแบบใช้อากาศ จึงไม่มีทางจะมีกลิ่นเหม็นจากแอมโมเนียหรือแก๊ซไข่เน่า ไม่มีทางที่จะมีแก๊ซมีเทน ไม่มีทางจะเกิดน้ำเสีย หรือดึงดูดแมลงวัน ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้จะมีค่าพีเอชเป็นกลางหรือเป็นด่างอ่อน ๆ พีเอชประมาณ 7-8 ที่เหมาะกับการใช้ของพืช และกระบวนการใช้เวลาสั้นกว่าแบบไม่ใช้อากาศมาก
- การย่อยสลายแบบไม่ใช้อากาศ (ทำน้ำหมัก ทำบ่อไบโอแก๊ซ หรือทำปุ๋ยหมักแต่เอาผ้าคลุม) เราจะได้กลิ่นแก๊ซไข่เน่าเสมอ มีกลิ่นแอมโมเนีย ได้แก๊ซมีเทน มีน้ำเสียเกิดขึ้น ดึงดูดแมลงวัน ผลิตผลจะมีความเป็นกรด พีเอชประมาณ 3-4 (เพราะฉะนั้น เวลานำน้ำหมักชีวภาพไปใช้เราจึงต้องเจือจาง 200 เท่าก่อนใช้ ในขณะที่การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ไม่ต้องเจือจาง แต่ต้องใช้ในปริมาณที่ไม่มากเพราะถ้าใช้มากไป ความเป็นปุ๋ยจะทำให้ต้นไม้ตายได้)
บันทึกการเข้า
tera
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4191


« ตอบ #21 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 01:14:37 PM »

- ฐานกว้าง 2.5 เมตร เอาฟางข้าว 4 เข่งมาวางบาง ๆ ให้หนาสัก 10 เซนติเมตร (ฟางใช้เส้นยาว ๆ ได้เลยไม่ต้องสับ ใช้ฟางจากการเพาะเห็ดยิ่งหมูครับ)



- เอามูลสัตว์ 1 เข่ง (1 เข่งเท่ากับประมาณ 2 กระสอบ) มาเกลี่ยให้ทั่วฟาง (อย่าเหยียบกองปุ๋ย) แล้วรดน้ำให้ชุ่ม



- ทำชั้นที่สอง โดยเอาฟางข้าวอีก 4 เข่งมาวางบาง ๆ หนาไม่เกิน 10 เซนติเมตร แล้วเอามูลสัตว์ 1 เข่งมาเกลี่ยให้ทั่วฟาง (เป็น 4 ต่อ 1 โดยปริมาตร - ใครอยากรู้โดยน้ำหนักให้ไปลองชั่งเอง ฮิฮิ)

- ทำไปสัก 15 ถึง 17 ชั้น ในระหว่างที่กองปุ๋ยค่อย ๆ สูงขึ้นก็ทำให้เป็นรูปสามเหลี่ยมปลายแหลม ถ้าเศษพืชทำท่าจะหนาเกินไปก็ให้ลดสูตร เช่น ใช้ฟาง 2 เข่งมูลสัตว์ครึ่งเข่ง เป็นต้น



- ถ้าต้องการให้มีความยาวมากขึ้น ก็เพียงแต่ทำซ้ำขั้นตอนไปเรื่อย ๆ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 22, 2012, 05:52:23 PM โดย tera » บันทึกการเข้า
tera
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4191


« ตอบ #22 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 01:23:45 PM »

- ภายในเวลา 48 ชั่วโมงหลังจากขึ้นกองปุ๋ย จุลินทรีย์จะทำงานแล้วคายความร้อนออกมา ความสูงของกองปุ๋ย 1.5 เมตรจะทำให้สะสมความร้อนเอาไว้ได้ดี จนเกิดเป็นความร้อนในกองปุ๋ยที่ลอยออกมาจากกองปุ๋ย ที่ภาคเหนือหน้าหนาวหรือหน้าฝนช่วงเช้า ๆ จะเห็นเป็นไอสีขาวลอยออกมาจากกองปุ๋ย ในรูปสังเกตนะครับว่ากองปุ๋ยเป็นรูปสามเหลี่ยม กองนี้ทำจากเศษข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับขี้ไก่ครับ (ทำบนดินในแปลงเพาะปลูก) ที่นี่เป็นของฟาร์มไก่ เคยขายขี้ไก่กิโลละ 0.25 บาท เลยเพิ่มมูลค่าโดยไปเอาเศษข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มาฟรี ๆ (เขาจะเผาทิ้งอยู่แล้ว) มาเข้ากระบวนการกับขี้ไก่ ฟาร์มนี้อยู่ที่เชียงรายครับผม

- ท่านที่ยืนอยู่คือรองอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศของแม่โจ้ครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 22, 2012, 05:55:21 PM โดย tera » บันทึกการเข้า
tera
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4191


« ตอบ #23 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 01:57:53 PM »

- อย่าลืมเอาไปผลิตปุ๋ยในแปลงเพาะปลูกนะครับ ในรูปเป็นโครงการที่แม่โจ้ร่วมมือกับ นสธ.ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในปี 2552 เอาไปช่วยเกษตรกรรอบมหาวิทยาลัยแม่โจ้จำนวน 10 ครัวเรือนผลิตปุ๋ยอินทรีย์ครัวเรือนละ 10 ตัน
- ตอนแรกใจก็กังวลว่าจะโดนโห่จากชาวบ้านหรือเปล่า เพราะเหมือนกับไปใช้ให้เขาทำงานหนัก (ทำปุ๋ยตั้ง 10 ตัน) แต่ปรากฎว่าพอครบหนึ่งปีผลออกมาดีครับ เกษตรกรชอบใจใหญ่ครับ หลายคนเอาไปใช้ในการเพาะปลูก หลายคนเอาไปขายในชุมชน เพื่อนบ้านแอบเอาวิธีไปทำเองบ้าง กลายเป็นทุกซอยทำกันหมด สนุกสนานมาก
- โมเดลของโครงการนี้คือ จัดขี้วัวให้เกษตรกรครัวเรือนละ 300 กระสอบ สำหรับผลิตปุ๋ย 10 ตัน ก็ตกครัวเรือนละ 9,000 บาทครับ (มูลค่าของปุ๋ย 10 ตันคือ 4 หมื่นบาทครับ  อายจัง)











« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 20, 2012, 02:01:32 PM โดย tera » บันทึกการเข้า
konthain(นพ)
Administrators
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9908


ยิ่งให้ไปยิ่งได้มา การให้ที่ยิ่งใหญ่ไม่สิ้นสุดคือให้ปัญญาและมิตรภาพ


« ตอบ #24 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 02:08:37 PM »

ขอบคุณครับท่านอาจารย์ tera ผมนั่งอ่านข้อเขียนของท่านอาจารย์แล้วชอบใจมากๆเลยครับ อธิบายได้เข้าใจง่าย
ไม่มีศัพท์วิชาการมากมายให้ชาวบ้านงง ผมว่าอาจารย์น่าจะเขียนหนังสือสักเล่ม(พิมพ์ขาย)นะครับ
จะได้ช่วยให้เกษตรกรที่เข้าไม่ถึงข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตอย่างพวกผม ได้มีโอกาสรับรู้ด้วยขอบคุณครับ  ยิงฟันยิ้ม  อายจัง

 ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า

สำนึกดีครับ
รับจ้างล้างรถ และแจกจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง

 ยิงฟันยิ้ม
jukgree
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 177


« ตอบ #25 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 02:13:51 PM »

ขอขอบคุณอาจารย์ tera มากครับ ที่ช่วยเหลือเกษตรกรช่วยลดต้นทุนไปเยอะเลยทีเดียวครับ
แต่ผมยังไม่เข้าใจอยู่นิดนึงครับ คำว่า อัตราส่วน 4 ต่อ 1 โดยปริมาตร หมายความว่ายังไงครับอาจารย์ช่วยขยายความให้ผมเข้าใจหน่อยนะครับ  ยิงฟันยิ้ม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 20, 2012, 02:24:40 PM โดย jukgree » บันทึกการเข้า
tera
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4191


« ตอบ #26 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 02:39:02 PM »

- ในปี 2554 มีความต้องการปุ๋ยอินทรีย์ของศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ มูลนิธิชัยพัฒนา อ.แม่สาย จ.เชียงราย (อีก 5 กิโลเมตรก่อนถึงแม่สาย) จำนวน 30 ตัน เพื่อปรับปรุงดิน 30 ไร่ แม่โจ้เลยติดต่อกลุ่มเกษตรกรที่เป็นเครือข่ายที่บ้านโป่ง ต.โป่งงาม อ.แม่สาย ที่อยู่ใกล้ ๆ ศูนย์ ให้ช่วยผลิตปุ๋ยให้ ในรูปจ้างผลิตกิโลละ 4 บาท (ให้ยืมเงินค่าขี้วัว) ปรากฏว่าสมาชิกกลุ่มไม่ค่อยให้ความสำคัญ ตัวประธานคือพี่ถวิลเลยรับทำเอง ตอนนี้แกส่งปุ๋ยไปให้ศูนย์ครบแล้ว ผลคือรับเงินไปเหนาะ ๆ 120,000 บาท ผมพยายามบีบถามว่าตกลงแกกำไรเท่าไร แกไม่ยอมบอกครับ
- ใครอยากไปเยี่ยมแกก็เชิญนะครับ ไปดูกองปุ๋ยของแก ไปสอบถามที่ อบต.โป่งงาม ใกล้วัดบ้านถ้ำก็ได้ครับ ตอนนี้แกทำปุ๋ยอยู่เรื่อย ๆ และเดินหน้าเรื่องการปลูกผักและข้าวอินทรีย์ครับ ข้าวกล้องของแกอร่อยมากครับ



- ขอประชาสัมพันธ์นิดนึงว่า ร้านจันกะผักของศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ มีสลัดอินทรีย์ ส้มตำ อาหาร กาแฟ และไอสครีมโยเกริ์ต ที่อร่อยมาก ทานเสร็จอยากขอเข้าไปดูงานในศูนย์ก็จะมีประชาสัมพันธ์พาเข้าไปดู ที่นี่เขาผลิตเมล็ดพันธุ์พืชและเก็บไว้ รอเวลาเกิดภัยพิบัติที่เกษตรกรต้องการเมล็ดพันธุ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ก็จะพระราชทานไปให้ครับ การจัดบริเวณที่นี่น่ารัก เรียบง่าย และพอเพียงครับ มีกองปุ๋ยของแม่โจ้ในศูนย์นี้ด้วยครับ





บันทึกการเข้า
tera
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4191


« ตอบ #27 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 02:44:06 PM »

ขอขอบคุณอาจารย์ tera มากครับ ที่ช่วยเหลือเกษตรกรช่วยลดต้นทุนไปเยอะเลยทีเดียวครับ
แต่ผมยังไม่เข้าใจอยู่นิดนึงครับ คำว่า อัตราส่วน 4 ต่อ 1 โดยปริมาตร หมายความว่ายังไงครับอาจารย์ช่วยขยายความให้ผมเข้าใจหน่อยนะครับ  ยิงฟันยิ้ม

- คือว่า ในการทำปุ๋ยหมักปุ๋ยอินทรีย์ต้องมีสัดส่วนผสมใช่ไหมครับ สัดส่วนผสมก็มี 2 แบบ คือ โดยน้ำหนัก และโดยปริมาตร
- ถ้าโดยน้ำหนักก็คือ เอาเศษพืชมา 2 ตันกับมูลสัตว์อีก 300 กิโลกรัม (สมมติเฉย ๆ นะครับ) เป็นต้น ซึ่งมีปัญหาว่าเกษตรกรคงไม่มีตาชั่งขนาดนั้น
- ถ้าเป็นโดยปริมาตร ก็คือ ถ้ามีเศษพืช 400 เข่งก็ต้องมีมูลสัตว์ 100 เข่งไงครับ
บันทึกการเข้า
ดวงพร
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4714


คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกทำชีวิตให้ดีได้


« ตอบ #28 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 02:55:21 PM »

ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆค่ะ ได้การหมักปุ๋ยแบบไม่กลับกองไปใช้ในสวนยางของตัวเองแล้วค่ะ ฟางวัตถุดิบหาได้ง่ายอยู่ค่ะเพราะที่สวนหมักปุ๋ยทุกปีและจำนวนมากแต่ยังไม่ได้รายละเอียดแบบของ อาจารย์ที่เห็นภาพชัดเจนและทำง่าย

ใช้แกลบในการหมักแบบนี้ได้ด้วยใหมคะ
บันทึกการเข้า
testcha
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 14


« ตอบ #29 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 02:57:14 PM »

นึกออกแล้วที่บ้านมีใบยางพาราร่วงเยอะมาก  กำลังคิดอยู่ว่าจะเอามาทำปุ๋ยแบบนี้ดีกว่า.....

บันทึกการเข้า
konthain(นพ)
Administrators
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9908


ยิ่งให้ไปยิ่งได้มา การให้ที่ยิ่งใหญ่ไม่สิ้นสุดคือให้ปัญญาและมิตรภาพ


« ตอบ #30 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 03:01:31 PM »

ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆค่ะ ได้การหมักปุ๋ยแบบไม่กลับกองไปใช้ในสวนยางของตัวเองแล้วค่ะ ฟางวัตถุดิบหาได้ง่ายอยู่ค่ะเพราะที่สวนหมักปุ๋ยทุกปีและจำนวนมากแต่ยังไม่ได้รายละเอียดแบบของ อาจารย์ที่เห็นภาพชัดเจนและทำง่าย

ใช้แกลบในการหมักแบบนี้ได้ด้วยใหมคะ

นึกออกแล้วที่บ้านมีใบยางพาราร่วงเยอะมาก  กำลังคิดอยู่ว่าจะเอามาทำปุ๋ยแบบนี้ดีกว่า.....



สมาชิกท่านใดที่อ่านวิธีการทำจนเข้าใจแล้ว และได้นำไปลงมือปฏิบัติช่วยนำผลการปฏิบัติเอามาลงเป็นข้อมูล
ไว้ด้วยนะครับ(กระทู้นี้ก็ได้)จะได้เป็นข้อมูลรวมให้สมาชิกที่สนใจ ได้ติดตามกัน
ขอบคุณครับ  ยิงฟันยิ้ม

 ยิ้มเท่ห์

บันทึกการเข้า

สำนึกดีครับ
รับจ้างล้างรถ และแจกจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง

 ยิงฟันยิ้ม
spyman
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 225


« ตอบ #31 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 03:08:33 PM »

ทำความเข้าใจว่า(ตามที่ผมเข้าใจ)
วัสดุ คือ ฟาง (เศษพืช) 3 ส่วน
          มูลสัตว์         1 ส่วน

วาง ฟาง 10 เซ็น โรยด้วย มูลสัตว์ รดด้วยน้ำ ทำ 16-17 ชั้น เป็นรูป 3 เหลี่ยม ฐาน2.5เมตร สูง 1.5 เมตร

รดน้ำทุกวัน หรือ ฝนตกไม่ต้องรด วางไว้กลางแจ้งบนดิน ห้ามไต้ต้นไม้ ไม่ต้องมีหลังคา ไม่ต้องมีอีเอ็ม ไม่ต้องมี พด ไม่ต้องมีน้ำหมัก

รอ 2 เดือน นำไปใส่ต้นไม้ได้เลยใช่ไหมครับ อาจารย์ ผมเข้าใจแบบนี้ถูกไหมครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ... 433   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: