หน้า: 1 ... 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 [15] 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ... 120   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ชมรมปลูกปาล์มน้ำมัน  (อ่าน 1001626 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ton1
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 16


« ตอบ #224 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2010, 03:44:47 AM »

อ๋อ ไม่หรอกพี่ ฝนตกเกือบทุกวัน ช่วงนี้กำลังใส่ปุ๋ย
บันทึกการเข้า

นายออโต้
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 438


« ตอบ #225 เมื่อ: ธันวาคม 26, 2010, 08:45:51 PM »

เข้ามาอ่านความรู้ด้วยคน ยังไม่ได้ปลูกเลย ถ้าจะปลูกระหว่างแถวมะพร้าว จะไหวไหมครับ
บันทึกการเข้า
tomy
@Kasetporpeang
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2820

สังคมแห่งการแบ่งปัน


« ตอบ #226 เมื่อ: มกราคม 03, 2011, 10:12:57 PM »

เข้ามาอ่านความรู้ด้วยคน ยังไม่ได้ปลูกเลย ถ้าจะปลูกระหว่างแถวมะพร้าว จะไหวไหมครับ

แถวมะพร้าว ปลูกห่างแค่ไหน

แล้ว มีโครงการจะเปลี่ยนมะพร้าวเป็นปาล์มน้ำมันหรือไงครับ


เคยได้ชม ตารางเปรียมเทียบรายได้ ทางช่อง 3 เขาว่่ามะพร้าวได้รายได้ต่อปีมากกว่าปาล์ม อีกนะครับ ยิ่งตอนนี้ มะพร้าวราคาดีมากๆๆๆ ด้วย
บันทึกการเข้า
witawasit
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 630


« ตอบ #227 เมื่อ: มกราคม 17, 2011, 05:15:49 PM »

อยู่นครพนมครับ สนใจปลูกปาล์มมาก แต่ที่ไม่มีแหล่งน้ำเลย คิดว่าจะเจาะบ่อบาดาลไม่รู้ว่าจะคุ้มหรือเปล่า ช่วยแนะนำด้วยครับ อยู่ห่างจากแม่น้ำโขงประมาณ 20 กม.ในหมู่บ้านที่ผมอยู่ส่วนมากมีแต่ปลูกยางพาราครับ แต่ก็มีพี่น้องชาวใต้มาปลูกปาล์ม อยู่สอง สามเจ้า
บันทึกการเข้า
rungrojj
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 444


« ตอบ #228 เมื่อ: มกราคม 22, 2011, 10:22:44 AM »

เพื่อนอยู่อ.หนองเสือปลูกประมาณ50ไร่ในร่องส้มเก่า
ตัดครั้งแรก อายุ 21 เดือนได้ไป 100 กว่าโล 7.30
ตัดครั้งที่2 อายุ 22 เดือนเมื่อวานนี้ ได้ 800 กว่าโลๆ 8.30
ทะลายประมาณ 5-8 กก.บ.สุขสมบรูณ์เค้าก็ซื้อเพราะไม่มีของ
ราคารับซื้อ ผลปาล์มน้ำมัน
ประจำวันที่ 21 มกราคม 2554
บริษัท ชุมพรอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) จ. ชุมพร 
ราคาทั้งทะลาย น้ำหนัก 15 กก.10.20 ผล  ร่วง14.40
(ข้อมูลจากศูนย์วิจัยปาล์มสุราษ)
ตัดก่อนกำหนดแต่ทำอย่าไรได้ละราคาซะขนาดนี้
จะได้มีเงินไปใช้หนี้บ้างเจ้งส้มไปเยอะ
ที่ราคามาขนาดนี้ได้ผลปาล์มน่าจะมีน้อย ผนวกกับราคาที่กรมการค้าภายในปรับ
ราคาน้ำมันปาล์มให้ก็ส่งผลมาสู่เกษตรกรอย่างเราๆบ้าง จะได้มีเงินไว้รับสถานการณ์ปุ๋ยแพง
ที่กำลังอั้นอยู่ไม่นานก็คงจะระเบิด ใครหาซื้อ0-0-60 ได้ตอนนี้ทะยอยสะสมได้แล้ว
เพราะเหมือนกับเริ่มจะหายากๆแล้ว
บันทึกการเข้า
Noom Andaman
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11


« ตอบ #229 เมื่อ: มกราคม 29, 2011, 04:16:03 PM »

     หวัดดีครับเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวสวนปาล์มทุกๆท่าน ผมกอล์ฟ ครับ ขอเป็นสมาชิกใหม่ของชมรมชาวสวนปาล์มด้วยคนครับ ผมมีสวนปาล์มอยู่ที่พังงา ปลูกมาได้ประมาณ 5 ปีแล้วครับ ตอนนี้พ่อเป็นคนดูแล เพราะผมทำงานอยู่กรงเทพ(แต่อีกไม่นาน ในอนาคตอันใกล้กำลังจะกลับไปเป็นชาวสวนแล้วครับ) สวนปาล์มที่บ้านให้ผลผลิตค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับสวนใกล้เคียงเพราะพ่อดูแลเอาใจใส่ดีครับมีอยู่ประมาณ 40 ไร่ มีปาล์มประมาณ 800 ต้น ระยะห่าง 9x9 เมตร เดือนหนึ่งเก็บ 3 ครั้ง 10วันเก็บครั้งหนึ่ง ช่วงหน้าฝนที่ผ่านมาได้ประมาณ 20 ตันนิดๆต่อเดือน แต่ช่วงนี้ไม่ถึงครับ เพราะอยู่ในช่วงพักแต่ราคาดีมากอาทิตย์ที่แล้วกิโลเกือบ 9 บาท (สูงที่สุดตั้งแต่ลืมตาดูโลกมา) ใช้ปุ๋ยเรือใบสลับกับปุ๋ยชีวภาพสูตรของคุณพ่อ
      สำหรับผู้ที่กำลังศึกษาข้อมูลหรือเตรียมที่จะปลูกปาล์มขอแนะนำระยะการปลูกอย่าให้ต่ำกว่า 10x10 เมตรถ้าจะให้ดี 12x12 แจ๋วสุดๆ อย่าไปเสียดายว่าปลูกได้จำนวนต้นน้อย เพราะระยะยาวจะมีปัญหาครับ เมื่อปาล์มโตจะให้ผลผลิตน้อย เห็นสวนข้างบ้านตอนปาล์มอายุไม่มากก็ยัง OK อยู่แต่พอทางปาล์มถึงกันก็เริ่มให้ผลผลิตน้อยลง นี่ยังเสียดายของผมเลยน่าจะปลูกให้ห่างกว่านี้ อย่าลืมที่โบราณเคยพูดไว้ครับ "ปลูกถี่เอาฟาง ปลูกห่างเอารวง"
     ตอนนี้กำลังหาข้อมูลที่จะผันน้ำเอามารดน้ำให้ต้นปาล์ม เพราะที่สวนมีน้ำจากภูเขาไหลผ่าน อยากได้เครื่องสูปน้ำที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าหรือน้ำมัน กำลังดูเรื่องเครื่องตะบันน้ำ ไม่ทราบว่าใครพอจะมีข้อมูลบ้างครับ ปีใหม่ที่ผ่านมาลองไปทำเองดูแล้วแต่ยังไม่ได้ผล เลยคิดว่าอยากได้ที่ทำสำเร็จแล้ว พอจะมีที่แนะนำที่ขายไหมครับ หาจากเน็ตลองติดต่อไปแถวภาคเหนือราคาค่อนข้างสูงเกือบสองหมื่น แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะใช้งานได้จริง อยากดูของจริงก่อนซื้อเพื่อให้แน่ใจว่าใช้ได้จริง ไม่ทราบว่ามีใครใช้อยู่บ้างจะได้ไปขอดูสักหน่อย อีกตัวที่น่าสนใจแต่ยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับเครื่องสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ใครพอจะแชร์ข้อมูลบ้างครับ สถานที่ขาย ราคา หรือปัญหาในการใช้งาน รบกวนขอข้อมูลจากผู้รู้ทั้งหลายด้วยครับ ขอบคุณครับ


Liked By: chinfak
บันทึกการเข้า
tomy
@Kasetporpeang
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2820

สังคมแห่งการแบ่งปัน


« ตอบ #230 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 02:58:29 PM »

เป็นไปได้ไหมที่เราจะช่วยกันออกแบบสวนปาล์ม ปาล์มโมเดล ไว้สำหรับ พี่น้องชาวพอเพียงในการสร้างสวนใหม่

ว่าเราควรมีบ่อน้ำกี่ไร่ ปาล์มปลูกระยะห่างเท่าไรดี ปั๊มน้ำ ระบบน้ำระบบปุ๋ย ในการให้ปาล์ม

ความคิดนี้เกิดจากที่ได้คุยกับพี่วุฒิ การการวางแผนขุดสระเพื่อเป็นแหล่งน้ำสำหรัปาล์มยามแล้ง
เช่นปลูก ปาล์ม ๑๐ ไร่ ควรจะต้องมีบ่อน้ำ ๑ไร่ เป็นต้น
บันทึกการเข้า
witran
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 196


« ตอบ #231 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2011, 10:10:28 AM »

หนับหนุนครับ ให้เป็นเรื่องเล่าของรุ่นพี่ๆที่ปลูกปาลม์ถึงข้อมูลอย่างที่คุณ tomy บอกไว้ กำหนดให้ตอบเป็นหัวข้อๆ เพื่อการเก็บข้อมูลเพื่อจะได้สรุป เป็นโมเดล จะเป็นประโยชน์กับสมาชิก และสังคมแห่งการเรียกรู้ของการปลูกปาล์มน้ำมัน เป็นของจริงที่ได้ทำกันจริงจริงจึงรู้กันจริงจริง การทำด้วยหลักวิชาการมันไม่เหมือนกับที่ทำจากมือเจ้าของสวนจริงๆ เพราะผิดพลาดไปเยอะมันถึงเป็นบทเรียกให้รู้จริง จะได้ลดคอร์สต้นทุน จะได้เป็นสังคมเรียนรู้ที่อบอุ่นไงครับ ฝันไปหรือเปล่า หนับหนุนครับ
บันทึกการเข้า
tomy
@Kasetporpeang
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2820

สังคมแห่งการแบ่งปัน


« ตอบ #232 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2011, 01:30:00 AM »

ลองมาพิจารณาทางใบกันก่อนดีไหม ว่า ยาวสักเท่าไร

จะได้ มาดูว่า ควรจะปลูกในระยะไหนดี ๙,๑๐,๑๑ หรือ ๑๒
บันทึกการเข้า
witran
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 196


« ตอบ #233 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2011, 11:43:03 AM »

ขอผม คอมแพ็คเดลี่ ปลูกมาแล้ว ประมาณ ๓๐ เดือน ระยะปลูก ๘ คูณ ๘ เมตร ตามข้อมูลที่ได้รับมาว่าเป็นระยะที่เหมาะสมสำหรับพันธุ์นี้ ก็คงต้องใช้เวลาพิสูจน์ว่าผลผลิตเป็นอย่างไรในอนาคต เป็นข้อมูลครับ
บันทึกการเข้า
tomy
@Kasetporpeang
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2820

สังคมแห่งการแบ่งปัน


« ตอบ #234 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 12:54:01 AM »

ww.rdi.ku.ac.th/kasetresearch54/GroupEconomic/21-Sudprasong_suw/template.html


การปรับปรุงพันธุ์ปาล์มน้ำมันลูกผสมเทเนอรา (D x P) และการถ่ายทอดเทคโนโลยี
การผลิตปาล์มน้ำมันที่เหมาะสมแก่เกษตรกร
The research on breeding of Tenera (DXP) oil palm and appropriate technology transfer
of oil palm production to the farmer.

จากวิกฤตการณ์ขาดแคลนน้ำมันปาล์มเพื่อบริโภคในประเทศไทยในขณะนี้ ( ม.ค.2554 ) จนกระทั่งรัฐบาลประกาศขึ้นราคาน้ำมันปาล์ม  ขวดละ  9  บาท  เป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นของน้ำมันปาล์มที่มีผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชนคนไทย  วิกฤตครั้งนี้สาเหตุหลักเกิดจากสภาวะฝนแล้งทำให้เกิดภาวะ “ ปาล์มขาดคอ ”  ตามภาษาชาวบ้าน  คือปาล์มไม่ติดผล  ทำให้วัตถุดิบป้อนโรงงานหีบน้ำมันมีไม่เพียงพอ  ถึงแม้โรงงานจะประกาศรับซื้อในราคาแพง  ถึงกิโลกรัมละ  8  บาท  ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่มีการปลูกปาล์มน้ำมันในประเทศไทยก็ยังไม่มีปาล์มเข้าโรงงานหีบอย่างเพียงพอกับความต้องการ  ดังนั้น  วันนี้บทบาทของปาล์มน้ำมันซึ่งเป็นพืชที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่  ความมั่นคงทางอาหารและเศรษฐกิจที่จะเป็นพืชน้ำมันส่งออก  เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร  และประเทศชาติ  จะว่าไปแล้วปาล์มน้ำมันเป็นพืชน้ำมันอันดับ  1  ของโลก  ในปริมาณการใช้และมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องอย่างมากมาย    ซึ่งน่าจะถึงเวลาแล้ว ( ยังไม่สายเกินไป ) ที่รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ( โดยเฉพาะมหาวิทยาลัย ) ควรหันมาให้ความสำคัญในการวิจัยและพัฒนาปาล์มน้ำมันในทุกมิติที่เกี่ยวข้อง  งานวิจัยคือหัวใจที่จะช่วยเกษตรกรให้มีความรู้ในการปลูกปาล์มให้มีผลตอบแทนสูงสุดรวมทั้งการมีพันธุ์ปาล์มน้ำมันที่ให้ผลผลิตสูงในสภาพแวดล้อมของไทยและลดการนำเข้าเมล็ดพันธุ์จากต่างประเทศที่ราคาแพงกว่าแต่คุณภาพไม่แตกต่างหรือน่าจากดีกว่าด้วยซ้ำไป  ดังนั้นคณะวิจัยจึงนำเสนอข้อมูล  งานวิจัยการปรับปรุงพันธุ์ปาล์มน้ำมันลูกผสม  DxP  ของสถานีวิจัยสิทธิพรกฤดากร  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  ในส่วนที่สามารถเผยแพร่ขั้นตอนงานวิจัยก่อนการประกาศพันธุ์เป็นทางการต่อไป

                        ปาล์มน้ำมัน (Elaeis guineensis Jacp.)  เป็นพืชน้ำมันที่สำคัญของประเทศไทย การทำสวนปาล์มน้ำมันเป็นอาชีพหลักของเกษตรกรในภาคใต้       และเป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภค  ผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ      แนวโน้มในอนาคตปาล์มน้ำมันจะเข้ามามีบทบาทในการเป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล   เพื่อทดแทนน้ำมันดีเซล  ซึ่งแนวโน้มมีราคาแพงขึ้นอย่างรวดเร็ว  ปาล์มน้ำมันเป็นพืชที่มีศักยภาพในการผลิตน้ำมันต่อพื้นที่สูงสุด เมื่อเทียบกับพืชน้ำมันในกลุ่มพืชที่ให้น้ำมันที่สำคัญ  4  ชนิด คือ  ปาล์มน้ำมัน ถั่วเหลือง  Rapeseed  และทานตะวัน  พบว่าน้ำมันปาล์ม (crude palm oil) มีต้นทุนการผลิตต่ำที่สุดคือ กิโลกรัมละ  10  -  11.50  บาท  ในขณะที่น้ำมันถั่วเหลืองมีต้นทุนการผลิตกิโลกรัมละ  18  บาทซึ่งปาล์มน้ำมันเป็นพืชยืนต้นที่ทนทานต่อผลกระทบจากภัยธรรมชาติมากกว่าพืชอายุสั้นอื่นๆ ลงทุนเพียงครั้งเดียวก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้นาน  25-30  ปี

                        จากวิกฤตการณ์ขาดแคลนน้ำมันปาล์มเพื่อบริโภคในประเทศไทยในขณะนี้ ( ม.ค.2554 ) จนกระทั่งรัฐบาลประกาศขึ้นราคาน้ำมันปาล์ม  ขวดละ  9  บาท  เป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นของน้ำมันปาล์มที่มีผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชนคนไทย  วิกฤตครั้งนี้สาเหตุหลักเกิดจากสภาวะฝนแล้งทำให้เกิดภาวะ “ ปาล์มขาดคอ ”  ตามภาษาชาวบ้าน  คือปาล์มไม่ติดผล  ทำให้วัตถุดิบป้อนโรงงานหีบน้ำมันมีไม่เพียงพอ  ถึงแม้โรงงานจะประกาศรับซื้อในราคาแพง  ถึงกิโลกรัมละ  8  บาท  ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่มีการปลูกปาล์มน้ำมันในประเทศไทยก็ยังไม่มีปาล์มเข้าโรงงานหีบอย่างเพียงพอกับความต้องการ  ดังนั้น  วันนี้บทบาทของปาล์มน้ำมันซึ่งเป็นพืชที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่  ความมั่นคงทางอาหารและเศรษฐกิจที่จะเป็นพืชน้ำมันส่งออก  เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร  และประเทศชาติ  จะว่าไปแล้วปาล์มน้ำมันเป็นพืชน้ำมันอันดับ  1  ของโลก  ในปริมาณการใช้และมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องอย่างมากมาย    ซึ่งน่าจะถึงเวลาแล้ว ( ยังไม่สายเกินไป ) ที่รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ( โดยเฉพาะมหาวิทยาลัย ) ควรหันมาให้ความสำคัญในการวิจัยและพัฒนาปาล์มน้ำมันในทุกมิติที่เกี่ยวข้อง  งานวิจัยคือหัวใจที่จะช่วยเกษตรกรให้มีความรู้ในการปลูกปาล์มให้มีผลตอบแทนสูงสุดรวมทั้งการมีพันธุ์ปาล์มน้ำมันที่ให้ผลผลิตสูงในสภาพแวดล้อมของไทยและลดการนำเข้าเมล็ดพันธุ์จากต่างประเทศที่ราคาแพงกว่าแต่คุณภาพไม่แตกต่างหรือน่าจากดีกว่าด้วยซ้ำไป  ดังนั้นคณะวิจัยจึงนำเสนอข้อมูล  งานวิจัยการปรับปรุงพันธุ์ปาล์มน้ำมันลูกผสม  DxP  ของสถานีวิจัยสิทธิพรกฤดากร  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  ในส่วนที่สามารถเผยแพร่ขั้นตอนงานวิจัยก่อนการประกาศพันธุ์เป็นทางการต่อไป

                        ปาล์มน้ำมัน (Elaeis guineensis Jacp.)  เป็นพืชน้ำมันที่สำคัญของประเทศไทย การทำสวนปาล์มน้ำมันเป็นอาชีพหลักของเกษตรกรในภาคใต้       และเป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภค  ผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ      แนวโน้มในอนาคตปาล์มน้ำมันจะเข้ามามีบทบาทในการเป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล   เพื่อทดแทนน้ำมันดีเซล  ซึ่งแนวโน้มมีราคาแพงขึ้นอย่างรวดเร็ว  ปาล์มน้ำมันเป็นพืชที่มีศักยภาพในการผลิตน้ำมันต่อพื้นที่สูงสุด เมื่อเทียบกับพืชน้ำมันในกลุ่มพืชที่ให้น้ำมันที่สำคัญ  4  ชนิด คือ  ปาล์มน้ำมัน ถั่วเหลือง  Rapeseed  และทานตะวัน  พบว่าน้ำมันปาล์ม (crude palm oil) มีต้นทุนการผลิตต่ำที่สุดคือ กิโลกรัมละ  10  -  11.50  บาท  ในขณะที่น้ำมันถั่วเหลืองมีต้นทุนการผลิตกิโลกรัมละ  18  บาทซึ่งปาล์มน้ำมันเป็นพืชยืนต้นที่ทนทานต่อผลกระทบจากภัยธรรมชาติมากกว่าพืชอายุสั้นอื่นๆ ลงทุนเพียงครั้งเดียวก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้นาน  25-30  ปี

                       พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันที่เหมาะสมในโลกจะอยู่ระหว่างเส้นละติจูดที่  20  องศาเหนือ – ใต้    ประเทศไทยอยู่ในภูมิภาค  ที่ได้เปรียบและสามารถปลูกปาล์มน้ำมันได้ดี และยังมีโอกาสขยายพื้นที่ปลูกได้ไม่ต่ำกว่า  5 ล้านไร่ เนื่องจากมีพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เช่น  พื้นที่นาร้าง    และพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ปาล์มน้ำมันเป็นพืชที่อนุรักษ์สภาพแวดล้อม (eco-friendly crop) เมื่อปลูกปาล์มน้ำมันเป็นระยะเวลายาวนานจะทำให้สภาพนิเวศน์ที่เสียหายไปกลับคืนสู่สภาพธรรมชาติ    นอกจากนี้  ยังสามารถสกัดองค์ประกอบจากน้ำมันปาล์ม ได้แก่   กรดไขมันหลายชนิด  วิตามินอี  และวิตามินเอ นำมาใช้ประโยชน์และใช้เป็นสารตั้งต้นในอุตสาหกรรมอาหาร   อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง  อุตสาหกรรม Oleochemical  และพลังงานทดแทน    รวมทั้งเป็นพืชที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคเพราะไม่มีการตัดแต่งพันธุกรรม (GMOs)  สรุปได้ว่าปาล์มน้ำมันเป็นพืชที่มีโอกาสและมีศักยภาพสูงมากสำหรับประเทศไทย

                        ประเทศไทยมีพื้นที่บางส่วนที่เหมาะสมที่จะปลูกปาล์มน้ำมันได้ดีให้ผลผลิตสูง  แต่ยังปัญหาหลายอย่างโดยเฉพาะในเรื่องของพันธุ์ที่มีคุณภาพ  การจัดการสวนปาล์มอย่างถูกต้องและข้อจำกัดของเกษตรกรเองในเรื่องความรู้เรื่องการปลูกปาล์มที่ถูกต้องเหมาะสม  ดังนั้นการศึกษาวิจัยในเรื่องดังกล่าวจึงมีความจำเป็นสำหรับพืชเศรษฐกิจอย่างปาล์มน้ำมัน ซึ่งนับว่ามีบทบาทและมีความสำคัญต่อประเทศไทยในแง่ของพืช ที่ให้น้ำมันที่มีศักยภาพสูงในการให้ผลผลิต และการขยายพื้นที่ปลูกตลอดจนการนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ดังนั้นในปี 2547 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ร่วมกับบริษัทเกษตร 23ร่วมกันจัดทำโครงการพัฒนาวิชาการ เพื่อวิจัยและผลิตพันธุ์ปาล์มน้ำมันลูกผสมเทเนอรา (D x P) ที่ให้ผลผลิตสูงในสภาพแวดล้อมของประเทศไทย โดยใช้ต้นแม่พันธุ์ดูร่าที่ผ่านการคัดเลือกตามเกณฑ์มาตรฐานลักษณะแม่พันธุ์ที่ดี โดยมีการคัดสายพันธุ์จากต้นดูร่าดั้งเดิม ที่หม่อมเจ้าสิทธิพร  กฤดากรนำเข้ามาปลูกที่ฟาร์มบางเบิดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 ซึ่งมีเกษตรกรบริเวณใกล้เคียงฟาร์มบางเบิดนำเมล็ดไปปลูกแพร่กระจายไม่ต่ำกว่า 20,000 ต้น โดยมีการปลูกจากเมล็ดต้นดูร่าไม่ต่ำกว่า 2 -3 รุ่น ทำให้มีการปรับตัวในสภาพแวดล้อมของประเทศไทยกว่า 80 ปีทั้งนี้มีการตรวจสอบสายพันธุ์จากDNA เปรียบเทียบกับต้นดั้งเดิมที่เหลืออยู่ ในปัจจุบัน

วิธีวิจัยและผลการวิจัย

การรวบรวมสายพันธุ์แม่ ดูร่า จากแหล่งพันธุ์ที่ทราบพันธุ์ประวัติชัดเจน  เพื่อคัดเลือกสายพันธุ์แม่ที่มีลักษณะตรงตามต้องการ โดยจัดทำแปลงรวบรวมสายพันธุ์ดูร่า ภายในพื้นที่ สถานีวิจัยสิทธิพรกฤดากร  ส่วนสายพันธุ์คัดเลือกสายพันธุ์พิซิเฟอร่า จากประชากรปาล์มน้ำมันที่มีการถ่ายทอดมาหลายชั่วรุ่น(จาก แหล่งคัดเลือกสายพันธุ์พิซิเฟอร่าของบริษัทเอกชน)จากนั้นนำมาทดสอบคู่ผสมและคัดเลือกพันธุ์ที่ดีเด่น ตามคุณสมบัติ ที่ไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานการคัดเลือกพันธุ์ลูกผสมเทเนอร่า ของกรมวิชาการเกษตร
คัดเลือกต้นพันธุ์พ่อและพันธุ์แม่(Individual Selection) ที่เป็นพ่อและแม่พันธุ์ของลูกผสมที่ดีเด่น จากประชากรสายพันธุ์พ่อและสายพันธุ์แม่ (Family Selection) ที่ผ่านการผสมตัวเองหรือผสมข้ามต้นในสายพันธุ์พ่อ และพันธุ์แม่ในแปลงพ่อและแม่พันธุ์ (seed garden)   นำไปปลูกในแปลงผลิตพ่อแม่พันธุ์   และคิดค้นที่จะใช้เป็นพ่อ – แม่ พันธุ์   โดยพิจารณาต้นพันธุ์ที่ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน เป็นต้นที่ใช้สำหรับผลิตเมล็ดลูกผสม (D x P) ต่อไป
นำเมล็ดพันธุ์ที่ได้จากการจับคู่ผสมแม่และพ่อพันธุ์ D x P มาผ่านขบวนการเพื่อให้เมล็ดงอกแล้วปลูกทดสอบในแปลงทดลองของสถานีวิจัยสิทธิพรกฤดากรเพื่อทดสอบผลผลิตแต่ละคู่ผสม เก็บข้อมูลการเจริญเติบโต ข้อมูลผลผลิต   องค์ประกอบผลผลิต   เพื่อใช้เปรียบเทียบหาคู่ผสมที่ต้องการ
สรุป

จากขั้นตอนและขบวนการปรับปรุงพันธุ์ปาล์มน้ำมันลูกผสม เทเนอร่า  (DxP = T)   ทำให้ได้คู่ผสม  จำนวน  16   คู่ผสม
ปลูกทดสอบคู่ผสม 16 คู่ผสม ภายในสถานีวิจัยสิทธิพรกฤดากรและพื้นที่อื่นๆของประเทศไทยโดยคัดเลือกคู่ผสมที่มีศักยภาพสูง 6 คู่ผสม
จัดสร้างแปลงแม่พันธุ์และพ่อพันธุ์ที่ปลูกภายในพื้นที่สถานีวิจัยสิทธิพรกฤดากร รวม   25  ไร่

                จากการปลูกทดสอบคู่ผสมในแปลงทดสอบที่มีการให้ระบบน้ำชลประทานพบว่าคู่ผสม number 17/2 เริ่มออกดอกช่อแรกเมื่อต้นปาล์มอายุ 12 เดือนหลังปลูก และทุกคู่ผสม(ที่มีการให้น้ำ)จะออกดอกเมื่อต้นปาล์มอายุ 18-20 เดือน  ( นับจากเพาะเมล็ด )  สำหรับแปลงทดสอบคู่ผสมที่ไม่มีการให้น้ำยังไม่เริ่มออกดอกเมื่อต้นปาล์มอายุ 18 เดือน แต่จะเริ่มออกดอกเมื่อต้นปาล์มอายุ  24  เดือน ขณะนี้อยู่ในช่วงการเก็บข้อมูลผลผลิต องค์ประกอบผลผลิต ผลผลิตน้ำมันในทะลายต่อพื้นที่  เพื่อใช้เป็นเกณฑ์คัดเลือกคู่ผสมดีเด่นต่อไปและคาดว่าจะสามารถเผยแพร่เมล็ดพันธุ์อย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2554



แปลงเพาะกล้าน้ำมันต้องมีการคัดเลือกต้นที่มีลักษณะไม่ดีทิ้งไป ประมาณ  15 -20 %  ในช่วงอายุ 
3 -  8  เดือน  เช่น  ต้นแคระแกรน  ใบบิด  ใบไม่คลี่เป็นขนรก  เมื่อได้อายุ  8  เดือน  ใบด่าง  ต้นตัวผู้  เป็นต้น
 



เมื่อผ่านการคัดเลือกต้นกล้าปาล์มที่ปลูกต้องถูกต้องตามลักษณะจะเลี้ยงอยู่ในถุงดำ  ขนาด 
8    x  16  นิ้ว  จนเมื่ออายุได้  10-14  เดือน  ก็พร้อมลงปลูกในแปลงได้




                     
               ต้น  No. B 17  และ  C 13  ที่ผ่านการคัดเลือกมีลักษณะเด่นคือ  มีปริมาณน้ำมันในส่วนเนื้อใน 
( KPO  )  สูงเป็นพิเศษ  ประมาณ  40 – 42  %  ปริมาณน้ำมันในส่วนเปลือก  ( CPO )  35- 40 %  ( วิเคราะห์ปริมาณน้ำมันโดยใช้ตัวทำละลาย )  โดยมีลักษณะทางพฤษศาสตร์ของลำต้น  ทางใบ  ใบย่อย  ทรงพุ่ม  ที่เหมาะสมผ่านเกณฑ์การคัดเลือกและให้ผลผลิตปาล์มทะลายต่อต้นมากกว่า  200  กิโลกรัม  / ต้น / ปี  หรือ   4.4  ตัน / ไร่ / ปี
             



                    ต้น  No.C16  ที่ผ่านการคัดเลือกมีลักษณะเด่นคือให้จำนวนทางใบ  หรือทะลายต่อปีสูง  ลักษณะทางพฤษศาสตร์เหมาะสม  ผลผลิตปาล์มทะลายมากกว่า  200 กิโลกรัม / ต้น / ปี  หรือ  4.4  ตัน / ไร่ / ปี  การออกดอกชุดแรกเร็ว ( หลังปลูก  12  เดือน )  เปอร์เซ็นต์น้ำมัน  ( CPO )  50 – 54 %   และ   ( KPO ) 
40 – 44 %  ( วิเคราะห์โดยใช้ตัวทำละลาย )



                       ต้น  No. H10  ที่ผ่านการคัดเลือกมีลักษณะเด่นคือ  มีปริมาณน้ำมันในส่วนเนื้อใน  ( KPO  )  สูงเป็นพิเศษ  ประมาณ  44.70 %  ปริมาณน้ำมันในส่วนเปลือก  ( CPO )  64.82 %  ( วิเคราะห์ปริมาณน้ำมันโดยใช้ตัวทำละลาย )  โดยมีลักษณะทางพฤษศาสตร์ของลำต้น  ทางใบ  ใบย่อย  ทรงพุ่ม  ที่เหมาะสมผ่านเกณฑ์การคัดเลือกและให้ผลผลิตปาล์มทะลายต่อต้นมากกว่า  210  กิโลกรัม  / ต้น / ปี  หรือ  4.6  ตัน / ไร่ / ปี
ต้น  No. H10  ที่ผ่านการคัดเลือกมีลักษณะเด่นคือ  มีปริมาณน้ำมันในส่วนเนื้อใน  ( KPO  )  สูงเป็นพิเศษ  ประมาณ  44.70 %  ปริมาณน้ำมันในส่วนเปลือก  ( CPO )  64.82 %  ( วิเคราะห์ปริมาณน้ำมันโดยใช้ตัวทำละลาย )  โดยมีลักษณะทางพฤษศาสตร์ของลำต้น  ทางใบ  ใบย่อย  ทรงพุ่ม  ที่เหมาะสมผ่านเกณฑ์การคัดเลือกและให้ผลผลิตปาล์มทะลายต่อต้นมากกว่า  210  กิโลกรัม  / ต้น / ปี  หรือ  4.6  ตัน / ไร่ / ปี
คณะผู้วิจัย
นายสุดประสงค์  สุวรรณเลิศ1  นายสกล  ฉายศรี2 นายประภาส  ช่างเหล็ก3  น.ส.นิภา เขื่อนควบ1  น.ส.ระวิวรรณ  โชติพันธ์ 1 และนายเจษฎายุทธ  ไชยบุรี1
1สถานีวิจัยสิทธิพรกฤดากร  สถาบันค้นคว้าและพัฒนาระบบนิเวศเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
2สถานีวิจัยลพบุรี   สถาบันอินทรียจันทรสถิตย์เพื่อการค้นคว้าและพัฒนาด้านพืชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
3สถานีวิจัยเพชรบูรณ์   สถาบันค้นคว้าและพัฒนาระบบนิเวศเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
โทร. 08 1868 2022
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 12:56:24 AM โดย tomy » บันทึกการเข้า
suntisook
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6


« ตอบ #235 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 12:54:42 PM »

ผมอยู่จังหวัดสกลนครจะปลูกปาล์มก็เลยอยากรู้ว่าจะซื้อพันธุ์ปาล์มอะไรมาปลูกที่ดีที่สุด
บันทึกการเข้า
tomy
@Kasetporpeang
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2820

สังคมแห่งการแบ่งปัน


« ตอบ #236 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 01:37:31 PM »

ผมอยู่จังหวัดสกลนครจะปลูกปาล์มก็เลยอยากรู้ว่าจะซื้อพันธุ์ปาล์มอะไรมาปลูกที่ดีที่สุด


หาซื้อจากเจ้าที่เราเชื่อมั่นครับ อิอิ

ส่วนใหย่ ก็ DXP กันหมดอะ เอาราคาที่พอลงทุนได้

บันทึกการเข้า
suntisook
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6


« ตอบ #237 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 01:52:14 PM »

ถ้าเป็นพันธุ์ยังกัมบิจะเหมาะหรือเปล่า
บันทึกการเข้า
tomy
@Kasetporpeang
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2820

สังคมแห่งการแบ่งปัน


« ตอบ #238 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2011, 12:09:04 AM »

ลองศึกษาพื้นที่ที่ปลูก ดุก่อนนะครับ ว่า มีความพร้อมแค่ ไหน

ปริมาร ฝนเท่าไร ฝนทิ้งช่วงนานไหม

แล้วมีน้ำที่จะช่วยต้นในยามแล้งได้แค่ไหน ด้วย
บันทึกการเข้า
MorTay
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 71


« ตอบ #239 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2011, 12:18:22 AM »

ถามเรื่องปลูกปาล์มน้ำมันแถวภาคอิสาน ครับ ผมอยู่ สารคาม ครับ มีที่ 20 ไร่ครับ ตอนนี้ทำนาปี ละ2 ครั้ง ครับ มีน้ำมากพอทั้งปี อยู่ในเขตชลประทานครับ จะปลูกได้หรือไม่ ... แล้ว ตลาดทางภาคอิสาน มีใครปลูก หรือมีบริษัทรับ หรือเปล่า ครับ หรือว่า ปลูกยางพาราดีกว่า ...
บันทึกการเข้า

เอาไว้อ่านเอง ครับ สวนไผ่ดินหอม : http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=1473.0
สวนไผ่..สวนเห็ด : http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=5411.96
ตอนไผ่ : http://www.kasetporpe
หน้า: 1 ... 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 [15] 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ... 120   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: