...จากการติดตามอ่าน
รวมพล คนปลูกมัน ... สำปะหลัง เห็นเพื่อนๆ สมาชิกหลายคนกล่าวถึง
อ.สรรเสริญ สุนทรทยาภิรมย์ ผมเลยตามไปอ่าน ได้บทความของท่านล่าสุด ขออนุญาติ
อ.สรรเสริญ สุนทรทยาภิรมย์ นำมาเผยแพร่นะครับ ได้ข้อคิดดีจริง ๆ เพื่อนสมาชิกสามารถตามไปอ่านได้ที่
http://www.cassava-devlp-center.com/....
บทความเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2558
บทความเดือน ตุลาคม-พฤศจิการยน 2558
สวัสดีครับ ช่วงนี้ต้องขออภัยที่ห่างหายการเขียนบทความมาลงให้อ่านกันเพราะมีงานเยอะพอสมควร (เดินสาย)ทั้งในและต่างประเทศ แต่ก็ตอบปัญหาให้ทางเฟสใน กลุ่มผู้ปลูกมันสำปะหลัง ชมรมมันสำปะหลังไทย ชมรมเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ตามหลักวิชาการ และส่วนตัว sansern soontorntayaphirom เป็นประจำ เนื่องจากแวะพักตรงไหนก็ตอบได้ถ้ามีสัญญาณอินเทอร์เน็ตเดี๋ยวนี้เกือบทุกโรงแรมมี Wi-Fi แต่ก็เข้ามาดูทุกวันบางทีอาจช้าบ้างถ้าไปอยู่ต่างประเทศ อยากให้ตอบอะไรเกี่ยวกับมันสำปะหลัง ดิน ปุ๋ย ก็สามารถเลือกตามช่องทางที่กล่าวมาข้างต้นได้เลยครับ
เดือนนี้เป็นเดือนสุดท้ายของหน้าฝนซึ่งจะมีรอยต่อกับหนาว (ปลายฝนต้นหนาว)ซึ่งทุกปีเกษตรกรต้องให้ความเอาใจใส่กับมันสำปะหลังของตัวเองให้มาก ที่ขุดได้ก็อย่ารีบร้อนนักเพราะต้นฤดูรับซื้อที่เพิ่งจะผ่านฝนมาหมาดๆแป้งยังต่ำ พ่อค้าอาจไม่ต้องการ ก็ซื้อถ้าเราขุดไปขายแต่ราคาจะต่ำตามแป้งด้วย บางท่านถามไปว่าทำไมราคามันต่ำอย่างนี้ได้แค่ 1800 เท่านั้น จึงอยากบอกว่าใจเย็นๆหน่อยครับ โดยเฉพาะการแห่เมื่อได้รับสัญญาณราคาเรียก"แมงเม่า" แล้วพากันแห่ขุดจนหมด วันสองวันหลังจากประกาศ"ขึ้น"ก็จะมีปรากฏการณ์ประกาศ"ลด"ทันทีทันใด ต้องเข้าใจว่า ผู้ซื้อเขาก็มีเหตุผลส่วนตัวของเขาเหมือนกัน พอๆกับเหตุผลของเราที่อยากขุดเพราะต้องการใช้ตังค์เนื่องจากความจำเป็นที่ถึงกำหนดชำระเจ้าหนี้ชีวิตรายใหญ่ (ธ.ก.ส) เถ้าแก่ หนี้นอกระบบ เงินกู้กองทุนต่างๆจากโครงการรัฐฯ(ทุกโครงการที่มีให้กู้) จ่อคิวมาเคาะประตูบ้าน ส่วนความจำเป็นของพ่อค้าก็คือ "กำไร ขาดทุน"ที่เป็นศาสตร์แห่งการค้าที่ต้องเคร่งครัดยิ่ง ถ้าเราเป็นพ่อค้าก็คงคิดเรื่องนี้เช่นกัน คงไม่มีใครยอมขาดทุนเพื่อชาติแน่นอน (เอาใจเขามาใส่ใจเรา)
คุณภาพมันสำปะหลังไม่ได้อยู่ที่ "หัวใหญ่" "หัวยาว" "หัวดก" ไม่ได้อยู่ที่สายพันธุ์ชื่อแปลกๆที่ราคาสูงๆอย่างที่เกษตรกรเข้าใจทุกวันนี้ ใครโพสต์ ใครคิดอย่างนี้ฟันธงไปเลย "มือใหม่หัดขับทั้งนั้น" คุณภาพมันสำปะหลังอยู่ที่เปอร์เซ็นต์แป้งในหัวมันสด (starch content) ไม่ได้เป็นอย่างที่มือใหม่ต้องการเลย เพราะคนซื้อ ตั้งแต่คนแปรรูปไปจนถึงคนบริโภคไม่มีโอกาสมาเห็นหัวใหญ่ ยาว ดก เลยแม้แต่น้อย ถ้าเป็นมันเส้นเขาต้องการเห็นชิ้นมันที่มีแป้งสูงๆ สะอาด ปราศจากการปนเปื้อน(คุณภาพ) โรงแป้งก็ต้องการรับซื้อหัวมันที่มีคุณภาพแป้งสูงๆ เพราะต้องโม่ต้องเหวี่ยงแป้งออกมาจากน้ำแป้ง มีน้อยเม็ดแป้งเล็กก็ได้น้อยเพราะเม็ดแป้งหลุดไปกับน้ำ ที่สำคัญถ้าแปรรูปไม่ทัน จากแป้งสูงๆจะเปลี่ยนกลับมาเป็นน้ำตาล(เน่า)ตั้งแต่วันที่สามหลังจากที่มันหลุดพ้นดิน และเน่าไปเรื่อยๆ อาทิตย์เดียวทำอะไรไม่ได้ อันนี้แหละที่พ่อค้าจำเป็นประกาศลดราคารับซื้อถ้ามันกองเต็มลานเกินกว่าจะแปรรูปทัน
เตือนทุกปีเรื่องขุด แต่ทำกันไม่ได้ เพราะข้ออ้างก็คือ "จ้างเขา" ต้องขุดทีเดียวหมด เสียงเตือนมันเลยไม่มีความหมาย ลอยไปกับสายลม เหมือนกับราคารับซื้อที่ได้ต่ำ ชนิดที่ชอบเปรียบกันว่า "ผีถึงป่าช้าไม่ฝังก็ต้องเผา"เพราะดันตายไม่ตรึกไม่ตรอง ถ้าเป็นมันสำปะหลังหมายถึงขุดมาแล้วจำเป็นต้องขายเลหลังอะไรทำนองนั้น ก็ไม่ทราบว่าความจำเป็นใครเป็นคนสร้าง !! ปีนี้ต้องระวังหลายเด้งเนื่องจากผู้ซื้อที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่ในต่างประเทศเช่น"จีน"ประสบภาวะวิกฤติภายในประเทศของเขาจนต้องประกาศลดค่าเงินหยวนมากกว่าสองครั้ง และยังปรับลดอะไรๆอีกหลายอย่างเพื่อการประหยัด การคาดเดาเรื่องราคาจึงค่อนข้างยากพอสมควร เพราะเราไปฝากอนาคตการค้ากับเขามานานแล้ว เขาดีเราก็ดี ถ้าเขาไม่ดีเราจะดี มันสวนทางกับความเป็นจริง
มันสำปะหลังเป็นพืชที่เด่นกว่าพืชชนิดอื่นตรงที่ถึงเวลาเก็บเกี่ยวถ้าราคาไม่ดีเกษตรกรก็สามารถชะลอไปก่อนโดยปล่อยหัวไว้ในดินไม่ต้องไปทำอะไรมันปุ๋ยก็ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อมาใส่ เหมือนฝากเงินไว้ในธนาคารแต่ยิ่งนาน(แต่ต้องไม่เกิน 16 เดือน)หัวจะใหญ่ขึ้น น้ำหนักจะเพิ่มมากขึ้นโดยที่เราไม่ต้องไปทำอะไรมันเลย สุดท้ายจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นได้ดอกเบี้ยมากกว่าธนาคารหลายเท่าเสียอีก แต่เกษตรกรทำไม่ได้เพราะความจำเป็นดังกล่าวข้างต้น
ถ้าเกษตรกรประสบปัญหาราคาต่ำ อีกทางหนึ่งที่สามารถทำได้คือ การขุดมาแปรรูปเป็นมันเส้นสะอาดคุณภาพตากเองแล้วเก็บรอราคาได้เป็นปี (ถ้าไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน) ตัวอย่างที่ศูนย์ของผมเองปีที่แล้วราคารับซื้อต่ำกว่า2.30 /กก.ผมแปรรูปเอง ถ้า 2.30 หรือสูงกว่าผมขายหัวสด ปีที่ผ่านมา 48 ไร่แปรรูปขายได้ กก.ละ 6.80-6.90 ได้เงินมาทั้งสิ้น 499,000กว่าบาท (เกือบๆห้าแสน) ถ้าสนใจจะลองทำก็น่าจะช่วยเกษตรกรได้อีกทางหนึ่งเป็นทางเลือก ตลาดหาไม่ยาก ถ้าไม่อยากขายลานให้พ่อค้า ลองไปเข้ารับการอบรมที่ศูนย์ฯ ผ่านการอบรมมีรายชื่อ เบอร์โทรผู้รับซื้อรายเล็ก รายใหญ่ ไปถึงผู้ส่งออก อย่าไปห่วงพ่อค้าจะจน ห่วงตัวเราก่อนเพราะอย่างไรเราก็ต้องเอาไปขายให้เขาถ้าเขาซื้อเรา 6 บาทแล้วเขาเก็บๆไว้พอมันหมดฤดูเขาขาย 7 บาทหรือ7บาทกว่า กำไรแค่บาทเดียวหรือบาทกว่าตันละเท่าไร 1000กว่าบาท !! พ่อค้าไม่พูดกันที่ตันเดียวโกดังหนึ่ง 5000 -10000ตัน ลองคูณดูเอง สิบชาติเกษตรกรก็หาไม่ได้เศษหนึ่งส่วนสิบของเขา ดังนั้นไม่ต้องไปห่วงเขา
การทะยอยขุดเราได้ราคาคงที่ พ่อค้าก็ชอบเพราะแปรรูปทัน ดีทั้งสองฝ่าย ทำเถอะทำของที่มีคุณภาพพ่อค้าก็ชอบเพราะมันคือผลกำไรของเขา ทำเพื่อความอยู่ดีกินดีของตัวเกษตรกรเอง ไม่ใช่ผม หรือใครๆ แต่มันต้องเพิ่มต้นทุนความขยันหน่อยเท่านั้น นั่นคือขุดเอง ข้อนี้แหละที่คนไทยทำได้ยากเพราะชอบคิดแบบมักง่าย คือขุดๆไปซะจะได้พักผ่อนหลังจากใช้หนี้ เหลือก็ใช้เงินซื้อมือถือรุ่นใหม่เอาไว้เล่นเฟส เหลือมากหน่อยก็เปลี่ยนมอเตอร์ไซด์ (ดาวน์) !! ไม่เหลือก็หากู้ต่อ นี่แหละความยากจนมันเลยเป็นกัลญาณมิตรของเรามานานแสนนานสลัดไม่เคยหลุด
รอยต่อฤดูฝนและหนาวเกษตรกรที่ปลูกซ่อมมันยังเล็กต้องระวัง เพราะช่วงนี้เพลี้ยแป้งจะเข้ามาทำลายมันของท่าน แม้ผ่านหนาวไปได้ มกราคมก็จะเจอไรแดง จึงบอกมาตลอดว่าอย่าปลูกมันปลายฝนที่บางคนเถียงคอเป็นเอ็นว่ามันเป็นการสืบทอดประเพณีโบราณที่เขาเรียกว่ามันเดือนสิบสอง ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร ไม่อยากเถียงคนรั้น แค่สมัยโบราณกับสมัยนี้ฝนฟ้าสิ่งแวดล้อม ความอุดมสมบููรณ์ของดินที่ต่างกัน ยังแยกแยะกันไม่ได้ก็เชิญเถอะ ผมได้แต่เตือนตามหน้าที่ไม่ได้จนด้วย แต่ถ้าปลูกแล้วรับการระบาดจากแมลงที่กล่าวมามันเหนื่อยที่ต้องมานั่งแก้ เพราะท่านเองที่มีทั้งดื้อทั้งรั้นนั่นแหละจะเป็นต้นเหตุของการระบาดสะสมแมลงไว้ไม่ให้สูญสลายไปจากวงการทำให้คนอื่นโดนไปด้วย ไม่เชื่อผมแล้วปลูกตอนนี้(ยกเว้นระบบน้ำหยด)อย่าโวยวายก็แล้วกันโดยเฉพาะคนที่พูดว่าต้องทำเพราะมันจำเป็นเนื่องจากเช่าที่เขา ถ้าทำแล้วมันเจ๊งยืนเอาเท้าจกกระเป๋าไม่เสียตังค์ไม่ดีกว่าหรือ !! แค่นี้คิดไม่ได้แล้วจะไปทำอะไรกิน
สุดท้ายบทความนี้มีคนอยากให้บอกเล่า เรื่องความเชื่อ สารเร่งราก สารสั่งออกราก สารสั่งลงหัว ฯลฯ เอาสักหน่อยก็แล้วกัน โดยปกติมันสำปะหลังจะออกรากแตกตาข้างเองโดยไม่ต้องไปทำอะไรเสริมมันเลย มันออกมาเพราะต้นพันธุ์ที่สมบูรณ์ได้อายุ ถ้ามีขนาดเหมาะสมปริมาณรากก็ยิ่งมาก เพียงแต่เราไม่เคยคุ้ยดูมันต่างหาก บังเอิญคนอื่นคุ้ยมาโชว์เลยเชื่อหัวปักหัวปำว่ามันมีผลมาจากสารเร่ง หรือวิธีการบ่มท่อน การจะเชื่ออะไรอยากให้พิสูจน์ด้วยตัวเองก่อน ง่ายๆถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำแล้วก็ "จนต่อไป" เอาถุงดำที่ใช้เพาะชำมา แล้วตัดท่อนพันธุ์มันที่สมบูรณ์อายุ 8-12 เดือนปักลงไปแล้วให้ความชื้น อยากให้เปรียบเทียบหลายๆขนาดหน้าตัดท่อนพันธุ์ หน้าตัดยิ่งใหญ่รากจะยิ่งเยอะ ต้นที่สมบูรณ์รากจะสมบูรณ์ไปด้วย เอาต้นสดๆไม่ต้องไปบ่มให้มันสูญเสียความชื้นจากตัวมันเอง แล้วลองเอาออกมาดูรากที่หลังการปลูก 2-3 อาทิตย์ อย่าดึง รากอ่อนๆจะขาด ยกถุงที่ชำแช่ลงไปในน้ำคลึงข้างถุงให้ดินแตกตัวแล้วค่อยๆเอาออกมาดู ระยะนี้รากจะใหญ่ อวบ ขาวโดยธรรมชาติจนเซียนบางคนถึงกับบอกว่ารากใหญ่อวบกำลังจะเป็นหัวเพราะมีผลมาจากน้ำยาเร่งรากของเขา ที่ยังไม่เอาออก ทิ้งไว้ 30วันขึ้นไปไม่เกิน 45 วันอย่าเกิน(เพราะมันจะเปลี่ยนรากบางรากเป็นรากหัว) ทำแบบเดิมแช่น้ำแล้วค่อยๆเอาออก คราวนี้จะขนลุกเพราะมีรากฝอยมากมายมหาศาลทั้งๆที่ไม่ได้ใช้สารเร่งอะไรเลย บทพิสูจน์นี้สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวท่านเอง ถ้าขี้เกียจก็ไม่ต้อง !! ความสำคัญของมันไม่ได้อยู่ตรงสารเร่ง สารสั่งราก มันอยู่ที่มันจะเปลี่ยนเป็นหัวเท่าไร(กี่หัว)นั่นคือประเด็นต่างหาก มีรากมากมีหัวน้อย หรือมีรากน้อยมีหัวมาก ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้นพันธุ์ ไมใช่มีรากมากมีหัวมากดังคำโฆษณา แต่มีรากก็ดีกว่าไม่มีราก ยิ่งการสั่งให้ลงหัวได้ยิ่งไปกันใหญ่ "บ้าไปแล้ว" สั่งพืชได้ !! ทั่วโลกเขายอมคนไทยก็ตรงนี้แหละ เพราะเขาอิงหลักวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ เห็นได้ สัมผัสได้ แต่เราดันอิงหลักไสยศาสตร์ที่พิสูจน์"ได้"ในความนึกคิดเท่านั้น ขุดหัวออกมาโชว์หัวสองหัว ชั่งกิโลแล้วคูณในใจว่าจะได้กี่ตัน !!! ไทยแลนด์ออนลี่.. มีกระทั้งเอาสารมาขายแล้วบอกว่าเทคโนโลยีจากอเมริการจะได้ 15 ตันต่อไร่ ตรงไหนส่วนไหนมันปลูกมันว๊ะงงกับมันจริงๆ !!
อยากเป็นนักวิจัยต้องเป็นคนช่างสังเกตุด้วย ลองเอามันสำปะหลังต้นที่ได้อายุและเราเห็นว่ามันสมบูรณ์ที่สุดมาตัด แยกส่วนโคน ส่วนกลาง ส่วนปลาย แล้วให้สังเกตุว่า ถึง 45 วันขึ้นไปรากฝอยจะเปลี่ยนเป็นรากสมสะอาหารเท่าไร ต่างกันแค่ไหน แล้วเอามาเป็นแนวทางในการแยกส่วนปลูก จะเห็นได้ว่าเปอร์เซ็นต์การอยู่รอด และความสม่ำเสมอจะต่างกัน
ประเด็นการบ่มท่อนพันธุ์แล้วจะออกรากเร็ว แหงละ !! ลองตัดท่อนพันธุ์แล้วยังไม่ปลูกทันทีน้ำยางที่ไหลออกมาคือจุดที่มันจะออกราก ถ้าเราเอาอะไรไปปิดมันหน่อยมันก็ดูเหมือนจะแตกตาข้าง ออกรากเร็วขึ้น แท้จริงก็คือนับหนึ่งเหมือนกันกับปลูกเลยเพราะมันลงไปบ่มตัวมันเองในดิน 4-7 วันแตกตาข้าง 2-3 อาทิตย์แตกราก (ช้าเร็วขึ้นอยู่กับตันพันธุ์สมบูรณ์แค่ไหน) บางคนเอามาโชว์จนเห็นรากปริ่มออกมาแล้ว นั่นคือผลเสียที่เซียนพวกนี้ไม่รู้ เพราะเอาไปปักกดลงไปมันจะกระทบกับรากที่กำลังจะงอกด้วย โดยเฉพาะตุ่มตาข้างที่ถูกบ่มมันจะเริ่มแตก ถ้าเราไปจับเพื่อกดแรงๆมันอาจหลุด เสียหายได้โดยที่เราไม่รู้ ยิ่งถ้าต้องพ่นสารควบคุมการงอกของเมล็ดวัชพืชจะมีผลต่อตาข้างที่แตกแล้วทันที
อยากประสบความสำเร็จในการปลูกพืช ไม่ได้อยู่ที่ สาร ปุ๋ย หรือวิธีการจากดาวอังคาร แต่อยู่กับสิ่งที่ใกล้ตัวเราที่สุด แต่เราให้ความสำคัญและให้คุณค่าน้อยที่สุดนั่นคือ "ดิน" ทุกวันนี้เห็นมันหัวใหญ่หน่อยถามว่าพันธุ์อะไร มีขายไหม ต้นละเท่าไร .. แค่คำถามที่กล่าวมาก็ฟันธงได้ว่าเพิ่งรู้จักมันสำปะหลัง หรือรู้จักพืช ต้องระลึกไว้เสมอว่า "ไม่มีพันธุ์พืชใดที่ดีที่สุด ปลูกได้ผลผลิตดีในดินเลว" ดังนั้นเราจึงควรมองกลับมาที่ดินของเราก่อนมองออกไปข้างนอกเรื่องพันธุ์เรื่องปุ๋ย เรื่องสารบ้าบอคอแตก!! ดูสมบัติดินของเราว่ามีอะไรขาดไหม ด้วยการเอาตัวอย่างดินไปวิเคราะห์ก่อน แล้วเอาแนวทางมาปรับแก้ให้เหมาะสม ดินที่ไม่ตอบสนองต่อพันธุ์ต่อให้พันธุ์มาจากเทวดาประทานก็ไม่ให้ผลผลิตที่ดีได้ ดินที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชต้องมีองค์ประกอบ 4 อย่างนี้จะขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้เลย คือ 1 กายภาพ ต้องโปร่ง ร่วนซุย อุ้มน้ำ ระบายน้ำและอากาศได้ดี 2 เคมี หรือความเป็นกรดเป็นด่างต้องเหมาะสม 3 ชีวภาพ สิ่งมีชีวิตที่อาศัยดำรงชีพในดิน ทำกิจกรรมในดิน โดยเฉพาะจุลินทรีย์ดินต้องเหมาะสม และ 4 ธาตุอาหารในดิน ต้องมีพอให้พืชนำไปสร้างการเจริญเติบโตและผลผลิต คิดตรงนี้ก่อนถามว่า "พันธุ์อะไร" สวัสดี
สรรเสริญ สุนทรทยาภิรมย์