จากสภาพดิน คุณโคราช korat1977 และสีน่าจะดีพอสมควร พยายามเพิ่มรองพื้น จำพวกขี้ไก่เพื่อปรับสภาพดินให้ดีไปเรื่อย
ในทุกปี จากรูปคูมันฯค่อนข้างห่างกันมากไปครับและยกไม่สูงเท่าที่ควร ควรจะยกให้สูงและใหญ่กว่านี้อีกหน่อย
การทำมันฯจะไม่พึ่งเคมีเลยก็ไม่ได้นะครับ ที่จำเป็นสำหรับเซียนมัน
ยุคนี้คือยาคลุมหญ้า เพราะหลักๆของการทำมันสำปะหลังคือเอาหญ้าให้อยู่เอาหญ้าให้ได้ เท่านี้ก็สร้างโอกาสในการได้ผลผลิตสูงไปแล้ว ถัดไปก็คือบำรุงช่วง1-3เดือนให้งาม หลังจากที่มันฯโตคลุมหญ้าไปแล้ว เมื่อมันฯมีความสมบูรณ์รากเดิน
เต็มที่มันฯในช่วง5-8หรือ5-12เดือน จะเป็นช่วงที่สร้างอาหาร(แป้ง) ไปเก็บที่หัวมันฯ ช่วงนี้ถ้าดินดีก็ไม่มีปัญหา
มันฯจะได้ปุ๋ยหรือธาตุอาหารจากดินที่มีสภาพความสมบูรณ์เดิมอยู่แล้ว แต่ถ้าดินไม่สมบูรณ์ถ้าอยากให้มันมีหัวที่
สมบูรณ์ใหญ่มีน้ำหนักก็คงต้องใส่ฮอร์โมน หรือปุ๋ยที่เกี่ยวข้องกับพืชกินหัวต่าง ถ้าคิดว่าจะใช้อะไรตัวใหนคิด
ไม่ออกแนะนำ 0-0-60 ปุ๋ยเม็ดเคมี ยี่ห้อใดก็ได้ ถ้าทำได้ตามนี้ 4 ตันน่าจะได้อยู่แล้วครับ แต่ถ้าดินในที่ของใคร
สมบูรณ์อยู่แล้วและเพิ่มเติมฮอร์โมนและปุ๋ยที่เกี่ยวข้องกับพืชกินหัวเข้าไปเพิ่มเติม ก็จะยิ่งได้ผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นไปอีก
ลองดูครับผม
ถ้าสภาพดินร่วนปนทราย หรือเหนียวปนทราย ซึ่งแน่นอนว่าความสมบูรณ์ละธาตุอาหารในดินไม่มากเท่าไหร่
ที่ผมจะแนะนำคือควรหาสารชีวภาพหรือปุ๋ยน้ำมาฉีดพ่นตลอดทุกช่วง20-30วัน ตั้งแต่ มันฯได้2สัปดาห์ เพราะการฉีด
สารชีวภาพ น้ำหมักหรือปุ๋ยน้ำอะไรก็แล้วแต่จะเรียกหรือสรรหา มันทำให้มันฯดูดซึมไปใช้งานได้ทันที และเป็นการ
ทำให้ดินไม่เสื่อมสภาพเนื่องจากการใช้ปุ๋ยเม็ด เพราะการใช้ปุ๋ยเคมีเม็ดจะทำให้มีสารตกค้างถ้าใช้ต่อเนื่องไปหลายๆปี
ดินจะค่อยๆเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ แต่ถ้าเป็นการฉีดพ่นทางใบหรือลำต้นจะไม่ทำลายสภาพดิน แม้ปุ๋ยนืที่ใช้นั้นจะ
เป็นปุ๋ยเคมีน้ำก็ตามเพราะมันแทบจะไม่เหลือตกค้างเลย อันนี้ผมแนะนำครับ แต่เท่าที่อ่านดูบางครั้งคุณKORAT
จะทิ้งช่วงเวลาในการเข้าไปจัด สิ่งที่น่าเป็นห่วงเวลาที่เราทิ้งช่วงในการดูแลก็คือหญ้าครับ มันจะขึ้นเร็วมาก
เกี่ยวกับหญ้าที่เซียนทำๆกันอยู่คือ ฉีดยาคลุมหญ้าหลังไถขึ้นคูก่อนปลูก หรือหลังปลูกเสร็จฉีดทันทีก็พอได้อยู่
หลังจากนั้น พอผ่านไป4-6สัปดาห์พอหญ้าเกิดหรืองอกเนื่องจาก การหลุดรอดจากฤทธิ์ยาคลุมหญ้าสังเกตุจากตาเปล่า
ได้เลยว่ามันรบกวนเรารึปล่าว ถ้ามากพอที่รบกวนใจเราก็ จัดการด้วยยาฆ่ายาแบบดูดซึม(ปกติที่บ้านส่วนมากจะใช้แบบ
ดูดซึม) มีผลข้างเคียงคือมันฯเราจะชะงัก แต่ถือว่ามีผลน้อยกว่าแบบเผาไหม้ และหลังฉีดยาฆ่าหญ้าซัก1-2สัปดาห์
ถ้ามีฝนโปรยหรือตกหนัก ให้ทำการใส่ปุ๋ยหรือฉีด จะเป็นอัดปุ๋ยเคมีเม็ด หรือฉีดสารชีวภาพหรือปุ๋ยน้ำอะไรก็แล้วแต่
จุดประสงค์หลักคือบำรุงมันฯเพื่อให้มันฯงามหลังจากฆ่าหย้า มันฯของเราจะงามโตและคลุมพื้นที่แบบใบชนใบ
และโตคลุมหญ้าที่กำลังจะงอกหลังฆ่าหญ้า(ซึ่งจะมีน้อยมาก) พอโตคลุมหญ้าได้ความสามารถในการแย่งอาหารก็จะมีมากขึ้น และหญ้าที่จะมาแย่งอาหารก็น้อยลง ทำให้มันสมบูรณ์ แทงราก รากเดินเต็มที่ และรากดีเริ่มทะยอยสะสมอาหาร(แป้ง)
ข้อดีและดีอย่างมากในสายตาของคนทำมันสำปะหลังเกี่ยวกับการใช้ยาคลุมหญ้า คือยาคลุมหญ้าถ้าใช้ถูกยี่ห้อดีๆ
มันจะคลุมหญ้าอยู่ประมาณ 1-2เดือนซึ่งเวลา2เดือนนี้บางทีมันฯของเราโตจนสามรคลุมหญ้าเองได้โดยไม่ต้องฉีดยาฆ่าหญ้า
ด้วยซ้ำ อาจจะมีหญ้าเกิดขึ้นมานิดๆหน่อยๆพอทีกำลังของคนในครอบครัวช่วยกันดาหน้าถอนได้ แต่ที่สำคัญมากๆของประโยชน์ในการใช้ยาคลุมหญ้าก็คือ คูมันฯไม่เสียรูปทรง รากของมันเดินแผ่รอบได้เต็มที่ และเมื่อบำรุงถูกช่วงมันฯเราสมบูรณืรากฝอยก็จะกลายเป็นรากดี ซึ่งรากดีที่ว่าจะกลายเป็นหัวมันฯ นั่นเองครับ แต่ถ้าเราดายหญ้าหรือถากหญ้าด้วยจอบหรือ
อุปกรณ์ดายหญ้าเหมือนสมัยก่อน แน่นอนคูมันจะถูกทำลายเสียรูปไปไม่มากก็น้อย ที่สำคัญรากถูกทำลายลงไปมาก
ทำให้รากดีทีจะกลายเป็นหัวมันฯ น้อยลง และถึงมันฯจะสร้างรากฝอยขึ้นมาใหม่เพื่อให้กลายเป็นรากดี และรากดีที่สร้างขึ้นมาใหม่เปลี่ยนไปเป็นหัวมันฯก็ไม่ทันกัน หรือสมบูรณ์ไม่เท่ากันนั่นเองครับ
นี่ก็เป็นประสบการณ์เล็กๆน้อยๆ ของผมที่ทำมันสำปะหลังมาเป็นเวลานานพอสมควร ส่วนมากผมจะทำในส่วน
การจัดหาสารบำรุงต่างๆ การวางหรือกำหนดการใช้สารบำรุงมันฯในช่วงต่างๆ การวางแผนการปลูก เพราะตัวผมเองทำงานประจำอยู่ แต่ด้านแรงงานจะเป็นพ่อกับแม่แต่จ้างคนงานช่วยแกเป็นหลัก แต่การควบคุมทิศทางการปลูกการดูแลจะเป็นผมทีดูแลในส่วนนี้ เพราะหลังจากใช้สูตรการจัดการการดูแลที่ผมวางไว้รวมทั้งสารหรือปุ๋ยบำรุงมันฯ ปรากฏว่าผลผลิตได้ดีมา
โดยตลอดจนพ่อและแม่ยอมรับฟังข้อเสนอแนะทุกอย่างครับ
ถ้ามีเวลาจะลองลงสูตรที่ผมใช้ปกติเผื่อจะโดนใจคนทำมันสำปะหลังยุคใหม่ครับ