สมัยก่อน ป่าไม้และภูเขา ยังอุดมสมบูรณ์มาก อาหารการกินหาง่าย เมื่อก่อนการขึ้นภูเขาไปเอาหน่อไม้รวกมาทำอัดปีบ หรือทำหน่อไม้ดองเป็นเรื่องที่ลำบากยากเข็ญและแสนสาหัสจริงๆ

ต้องเดินไกล ไปกลับเกือบ20กิโลเมตร ตอนไปไม่เท่าไหร่ แต่ตอนกลับต้องพ่วงน้ำหนักเพิ่มอีกคนละ20-40กิโลกรัม ไม่ง่ายเลย บางครั้งฝนตกยิ่งไม่ต้องพูดถึง จากที่แค่นำมาเก็บไว้รับประทานในครัวเรือนในช่วงฤดูหนาวถึงฤดูแล้ง กลับกลายเป็นว่านำมาจำหน่าย ไม่ใช่แค่คนในหมู่บ้านเท่านั้น ยังมีคนต่างอำเภอ ต่างจังหวัด มาแบบไม่เกรงใจ เพราะถนนหนทางสะดวกสบาย ไม่ได้เดินไกลเหมือนแต่ก่อน 8)พอผ่านไปหลายปี หน่อไผ่เกิดไม่ทัน กรมป่าไม้เลยตั้งกฏเพื่อฟื้นฟูป่า จะปิดป่าเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน ตั้งจุดตรวจผ่านทางเข้าออก ไม่อนุญาตให้คนต่างถิ่นขึ้นภูเขา แต่ละคนจะเอาได้ไม่เกิน5กิโลกรัม ถ้าเกินกว่านั้นมีความผิดและถูกดำเนินคดี หลังจากมีกฎแบบนี้เกิดขึ้น ทำให้ต้นไม้ใหญ่เติบโต ไม่ถูกตัดทำลายเหมือนเมื่อก่อน

ทุกวันนี้ ไม่ต้องขึ้นภูเขาให้ลำบากอีกต่อไป เพราะใช้ไผ่เลี้ยงที่ปลูกไว้ตามหัวไร่ปลายนา ทำหน่อไม้บีบแทนหน่อรวก หน่อใหญ่ สวย ไม่ขม ที่สำคัญไม่มีขนทำให้ระคายผิวด้วยค่ะ ส่วนหน่อไม้ดองหรือหน่อไม้ส้ม ใช้หน่อไผ่ตรงทำ หน่อเดียวเหลือเฟือ เพราะหน่อหนึ่งเกือบ8กิโลกรัม ใช้แค่10หน่อ เต็มถังสีขนาด20ลิตรค่ะ เก็บไว้รับประทานได้ทั้งปี หรือจะทำขายก็ดีเช่นกัน แต่ถ้าคนทำไม่เป็นอาจจะเน่าได้ แต่ที่บ้านทำมาหลายปีแล้ว ไม่มีปัญหาเลยค่ะ