บ้านไร่ปลายนา ตอน วิศวกรวันธรรมดา ชาวนาวันหยุด

[batistula]

มาอัพเดทต่อจากที่คราวก่อนไปตากข้าวไว้ทั้งหอมนิลและไรซ์เบอรี่ครับ วันนี้กลับไปช่วยฝัดแยกข้าวลีบและบรรจุใส่กระสอบค่ำๆไปถึงพ่อตาก็ขนข้าวไรซ์เบอรี่ใส่กระสอบกลับมาที่บ้านแล้วครับ อยู่บนรถกระบะจำนวน 14 กระสอบ รอเราไปมึดพอดีเลยขนกันมาก่อน

จัดการขนลงมาไว้ตอนเช้าจัดการชั่งข้าวทั้ง14กระสอบแล้วได้น้ำหนักรวม 354.5กิโลกรัม + ข้าวปลูกอีก 25กิโลกรัม รวมแล้วได้ข้าวไรซ์เบอรี่ทั้งหมด 379.5กิโลกรัม สำหรับพื้นที่ประมาณ 2งาน คิดเป็นผลผลิตข้าวแห้งแล้วประมาณ 760 กิโลกรัมต่อไร่ อยู่ในเกณฑ์ที่ดีพอสมควรครับ ดูตามคุณสมบัติของพันธุ์ที่บอกไว้ มากกว่า 700 กิโลกรัมต่อไร่

ตอนเช้ารีบไปเตรียมฝัดข้าวแต่เช้าเพราะยิ่งสายหรือบ่ายลมมักจะแรงและก็ผวนไปมาทำให้การฝัดช้าลงอีก ที่เห็นนี่เป็นข้าวลีบจากกองข้าวไรซ์เบอรี่ไม่ค่อยมากนะครับ ดูแล้วไม่น่าจะถึง 10 กิโลกรัม จากข้าวที่ได้ 354 กิโลกรัม คิดแล้วไม่ถึง 3% ถือว่าค่อนข้างดีทีเดียว แสดงว่าฮอร์โมนไข่น่าจะมีผลช่วยบำรุงได้มากทีเดียว แต่แปลกใจที่พ่อตาว่ากองข้าวเหมือนจะใหญ่กว่าข้าวสินเหล็กแต่ทำไมรวมน้ำหนักสุดท้ายแล้วได้น้อยกว่าข้าวสินเหล็กที่ได้ประมาณ 400กิโลกรัม น่าจะมาจากที่ลักษณะของเมล็ดข้าวสินเหล็กจะมีขนาดที่ยาวกว่าโตกว่าทำให้มีน้ำหนักมากกว่าข้าวไรซ์เบอรี่ครับ

[batistula]

มาที่ข้าวหอมนิล กองข้าวไว้สองกองคนละผืนผ้าเขียวที่ตากข้าว เริ่มฝัดกองแรกเกือบ 7.30 น.แล้วครับ อุตสาห์รีบมาแต่เช้าห่อข้าวมาด้วย พอถึงบ้านลุง พ่อตาบอกกินข้าวก่อน รู้งี้กินจากบ้านมาให้เรียบร้อยเสียก็ดี จะได้ไม่ต้องเตรียมใส่ปิ่นโตมา

ช่วยกันสี่คนแยกเป็นตักข้าวโรย 1คน+โยกฝัดตะแกรง 1คน+กวาดเมล็ดลีบ 2คน โดยลุงช่วยคุมอยู่ใกล้ๆ


ฝัดไปสักพักก็พักทำความสะอาดตะแกรงร่อนข้าวบ้าง มีทั้งเศษฟางและก้อนดิน ไม่รู้มายังไง ข้าวก็ไม่ล้มนะ

[batistula]

ผ่านไปสองชั่วโมงครึ่ง เก็บใส่กระสอบเรียบร้อย

อ้าวนึกว่าเสร็จแล้วลืมข้าวปนที่แยกตากไว้ที่กระชังกบอีกประมาณ 2 กระสอบครับ

เสร็จงานก็เกือบพักเที่ยงพอดีครับ ได้ข้าวทั้งหมด 46 กระสอบ เดี๋ยวเติมพลังก่อนช่วงบ่ายค่อยขนขึ้นรถกลับ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง

[batistula]

ช่วงบ่ายก็ทำการขนขึ้นรถกระบะกลับบ้านครับ

เอามาลงที่หน้าบ้าน ขนลงกันสองคนกับพ่อตาเล่นเอาซะลมแทบจับ

วันนี้ชั่งข้าวหอมนิลรวมแล้วได้น้ำหนัก 1,296.3 กิโลกรัม จากข้าว 46 กระสอบ

สรุปผลผลิตข้าวที่ได้จากการทำนาครั้งแรกดังนี้ครับ สินเหล็ก 401 กก.(2.5งาน) +ไรซ์เบอรี่ 379.5 กก.(2งาน) +ปทุมเทพ 30กก.(90ตรม.)+หอมนิล 1,296.3กก.(2.5ไร่) + ข้าวปนที่เดินเกี่ยว 2 กก. รวมแล้วได้ข้าวทั้งหมด 2,107.8 กก. จากพืนที่ปลูกประมาณ 4 ไร่ เฉลี่ยได้ข้าวประมาณ 52 ถัง(ข้าวแห้ง)/ไร่ ก็เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ครับ งานที่เหลือหลังพักข้าวก็นำไปสี ยังไงจะมาอัพเดทอีกทีครับ ส่วนหลังปีใหม่ตั้งใจจะเอารถไถไปซ่อมเครื่องครั้งใหญ่ Overhaul ใครชอบงานซ่อมก็คอยติดตามกันได้นะครับงานนี้ ก็ถือโอกาสนี้สวัสดีปีใหม่ 2558  ล่วงหน้าครับ ขอความสุขสวัสดีเกิดกับทุกๆคนนะครับ

[andrew]

ได้ข้าวเยอะเลยนะคะ
ก็เป็นที่พอใจสำหรับการทำนาครั้งแรกครับ ตอนแรกก็กังวลกลัวว่าจะงามแต่ใบ แต่คิดว่าเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ได้มาจาก อ.เชาว์วัช
มันตอบรับกับอินทรีย์ดีมากครับ คงน่าจะปลูกมาหลายรุ่นแล้วพอเอามาปลูกเลยไม่ค่อยมีปัญหาอะไรครับ

[sompol]

...ติดตามชมครับ

ขอบคุณครับ

[batistula]

สวัสดีพี่น้องชาวเกษตรพอเพียงหลังจากห่างหายไปนานเกือบ 3 เดือน ติดภาระกิจส่วนตัวเยอะไปหน่อยครับ555 วันนี้ได้มาเริ่มอัพกระทู้ซ่อมรถไถ
เครื่องทุ่นแรงหน่อยครับ สำหรับคนใครที่คิดว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องเกษตรก็ต้องขอโทษไว้ก่อน ข้ามไปได้เลยนะครับ ไว้จะลองจัดกระทู้เป็นตอนๆอีกทีครับ
ผมจัดการขนย้ายรถไถจากที่บ้านพนัสนิคม มาที่บ้านบึงในวันที่ 4มีค58 ที่ผ่านมาวันพระใหญ่มาฆบูชาด้วยครับ ฤกษ์ดี(ฤกษ์สะดวกครับ วันหยุดของงานประจำ)
วันที่ย้ายมาไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ครับ อันนี้วันเสาร์ที่7มีค58เตรียมจะถอดรื้อ

บอกเล่าอาการที่ต้องซ่อมบำรุงเครื่องกันหน่อยครับ หลักๆคือเครื่องไม่ค่อยมีแรง, ความร้อนขึ้นสูงน้ำเดือดดันออกหม้อพัก,น้ำมันเครื่องหายไถทีนึง
หายไปเกือบลิตรหรือมากกว่าต้องคอยเติมอยู่บ่อยๆ, ควันขาว ส่วนอื่นๆถ้าตอนถอดรื้อเจอจะเอาลงเพิ่มครับ ก่อนถอดรื้อเครื่องต้องวัดกำลังอัดเครื่อง
เอาไว้เพื่อเทียบก่อนและหลังซ่อมครับ มาดูตัวเครื่องมือวัดกำลังอัดกันครับ ยืมน้องที่ทำงานมา จริงๆตัวนี้เป็นชุดวัดกำลังอัดของรถเบนซินเกจวัดสีดำ
ตัวซ้ายมือ ราคาหลักร้อยครับ แต่เครื่องดีเซลชุดวัดนี้หลักพันหรือบางทีชุดใหญ่มีอแดปเตอร์หรือหัวใส่วัดได้รถหลายรุ่นก็หลักหมื่นก็มีครับ
อันนี้ดัดแปลงหน่อย เปลี่ยนเกจวัดให้สูงขึ้นจากของเดิมวัดได้สูงสุด 300 psi(ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) มาเป็น 1,000 psi และหัวอแดปเตอร์ก็เอาหัวเผาเก่า
เชื่อมกับหัวทองเหลืองวาล์วแอร์ตามรูปพอใช้วัดได้ครับ

 

[batistula]

เริ่มจากถอดโครงรถออกก่อนเพื่อความสะดวกในการทำงาน (เช็คกำลังอัด)

เริ่มจากถอดหัวเผาสูบแรกนับจากพัดลมหน้าเครื่องมาครับ ลวดที่เห็นจะเอาไว้จ่ายไฟไปให้หัวเผาเชื่อมต่อกันทุกหัวครับ

หัวเผาที่ถอดออกมาแล้วก็จะเป็นตัวซ้ายมือครับ ต้องใช้ประแจบล็อคแบบยาวถอดออกมาเหมือนกับถอดหัวเทียนครับ

[batistula]

ปรากฎว่าสูบแรกที่จะวัดหัวอแดปเตอร์มันติด ขันเข้าไม่ได้ก็เลยข้ามไป จัดการถอดวัดที่สูบที่สองเลยครับ
ปล. วัดกำลังอัดนี่แบตเตอรี่ต้องใหม่หรือเก็บไฟเต็มหน่อยนะครับ เพื่อความถูกต้องของกำลังอัดจริงที่ได้ ไม่ใช่แบตอ่อนแล้ววัดได้กำลังอัดต่ำเกินจริง
อันนี้เป็นกำลังอัดของสูบที่สองครับ ได้ไม่ถึง 200 psi ถือว่าต่ำมากสำหรับเครื่องดีเซล น่าจะซัก 450 psi

ส่วนนี้ก็วัดสูบที่สามครับ แรงอัดใกล้เคียงกันเลย ไม่รู้ว่าปะเก็นฝาสูบรั่วหากันได้กับสูบสองหรือเปล่า

ส่วนสูบสุดท้ายดีขึ้นมาหน่อยได้ 300 psi 

[batistula]

แอบนอกเรื่องหน่อย ระหว่างวัดกำลังอัดก็มีรถแบ็คโฮเล็กมาส่งบ้านอ.นิธิพงศ์ 4 คัน 

คันสีเหลืองนี่ไม่มีไดสตาร์ทตอนขึ้นใช้โฟล์คลิฟท์ใหญ่ตักขึ้นมาแต่ตอนลงที่นี่ไม่มีโฟล์คลิฟท์ ก็ใช้แบ็คโฮ 2 คัน ทั้งดึงฉุดยกกว่าจะลงได้ก็ทุลักทุเล

[batistula]

มาซ่อมรถไถกันต่อ หลังจากวัดกำลังอัดเสร็จแล้วก็ทำการถ่ายน้ำมันเครื่องและน้ำมนหม้อน้ำออกก่อน ต่อจากนั้นก็ทำการถอดท่อน้ำมันออกถ้าจะให้ดีต้องมีประแจแหวนผ่า
ใช้ถอดหัวน็อตจะได้ไม่รูดเสีย ต่อด้วยท่อไอดี เปิดออกมาแล้วเจอคราบน้ำมันแสดงว่ามีรั่วย้อนออกมาด้วย อาการหนักเอาเรื่อง

อีกด้านก็ถอดฝาท่อไปเสียออกเหมือนกัน ก่อนหน้านั้นยกหม้อน้ำออกไปแล้ว

แล้วต่อมาด้วยฝาครอบวาล์วตามรูป

[batistula]

แล้วก็ถอดแกนกระเดืองวาล์วออกทั้งชุดพร้อมก้านกระทุ้งวาล์ว รุ่นนี้มี 4สูบ 8วาล์ว (วาล์วไอดี4+วาล์วไอเสีย4) 

แล้วก็ถอดน็อตยึดฝาสูบแล้วยกฝาสูบลงตามรูป

ยกฝาสูบลงก็จะเจอปะเก็นฝาสูบตามรูป จริงๆรถทั่วไปถึงตอนนี้ก็ทำการถอดอ่งน้ำมันเครื่องออกก็ถอดลูกสูบได้แล้ว แต่รุ่นนี้มันดันออกแบบมาแปลกๆ
อ่างน้ำมันเครื่องถอดออกไม่ได้ ติดชุดเพลาหน้า ก็เลยยุ่งยากเพิ่มครับ

[batistula]

เมื่อเปิดฝาสูบออกแล้ว วิธีเช็คง่ายๆเบื้องต้นว่าลูกสูบหลวมมากมั๊ย ก็ให้หมุนพุลเลย์หน้าเครื่องที่ขับพัดลมนั่นแหละครับ หมุนให้ลูกสูบขึ้นมาบนสุุด
เสมอฝาสูบแล้วลองเอามือจับขยับดู ถ้าขยับได้ง่ายๆเลยแสดงว่าลูกสูบหลวมหรือแหวนลูกสูบมันสึกหรอไปเยอะแล้วนั่นเองครับ

เนื่องจากรุ่นนี้มันรุ่นพิเศษ ถอดอ่างน้ำมันเครื่องไม่ได้สงสัยผู้ผลิตคิดว่ามันจะอึดทนจนแทบไม่ต้องเปลี่ยนที่ญี่ปุ่่น
เลยต้องถอดชุดเพลาหน้าออกทั้งยวงพร้อมล้ออย่างที่เห็นครับ

ถอดน็อตยึดชุดคลัชออกแล้วยกตัวเครื่องวางบนโต๊ะซ่อมเครื่องครับจะได้ทำงานสะดวก

[batistula]

ย้อนไปก่อนหน้าที่จะเอาเครื่องวางบนโต๊ะซ่อมเครื่องมีอุบัติเหตุครับ น็อตที่ร้อยโซ่ไว้ขาด เครื่องตกลงทับอ่างน้ำมันเครื่องแตกออกไปส่วนนึง
ที่ตัวเครื่องตัวพูลเลย์ขับพัดลมหน้าเครื่องก็แตกไปอีกเสี้ยว สำรวจความเสียหายอื่นๆยังไม่พบ ถือว่าโชคดีมากแล้ว ดีที่ตอนขาดตกลงมาไม่โดนคนเข้า
จริงๆก็ถือว่าประมาทเองด้วย ทำงานกับของหนักๆอย่างนี้ห้ามประมาทโดยเด็ดขาดครับ ใครจะว่าเราขี้ขลาดหรือกลัวก็ชั่งเขาครับ ความปลอดภัยต้อง
มาก่อน safety first อย่างที่เห็นในรูปถ้าร้อยน็อตสักสองตัวกันไว้ก็น่าจะดีกว่านี้ หรือหาเป็นสายเข็มขัดนิรภัยเก่ามาคล้องยกตัวเครื่องก็จะดีกว่าเพราะ
ตัวสายเข็มขัดนิรภัยไม่ทำให้เป็นรอยหรือทำความเสียหายกับพวกชุดฝาเครื่องหรือตัวอุปกรณ์ที่เอาสายเข็มขัดนิรภัยรัดไว้ครับ


เหล็กแข็งๆยังหัก คิดดูว่าถ้าโดนเท้าเข้าจะเหลือรึ

ตัวน็อตร้อยไว้ที่มันขาดครับ ไว้ใจไม่ได้เลย เอาความปลอดภัยแขวนไว้กับน็อตตัวเล็กๆ พลาดมาไม่เจ็บก็พิการหรืออาจเสียชีวิตครับถ้าประมาท 

[batistula]

มาต่อครับ หลังจากยกเครื่องยนต์วางบนแท่นหรือโต๊ะซ่อมเครื่องแล้วก้พลิกตะแครงเครื่องลงเพื่อจะทำการถอดลูกสูบออกครับ

ที่ประกับcamshaftหรือเพลาข้อเหวี่ยงแต่ละตัว จะมีหมายเลขกำกับไว้อยู่ เวลาใส่จะได้ไม่สลับกันและต้องจำด้วยว่าสูบไหนอยู่ตรงลำดับไหน
ที่เห็นเบลอๆนี่แหละครับเลขที่ตัวประกับ เดี๋ยวงวดนี้มีบอก 3 ตัวบนให้ครับ

นี่ก็อีกสูบนึงทำการถอดประกับออกมาเหมือนกัน

ตัวนี้ยิ่งมองไม่เห็นเลขเลย กล้องมือถือถูกๆ กล้องประจำก็ดำน้ำเจ๊งไปแล้ว ต้องจดเอาเองซะแล้ว

[batistula]

เมื่อทำการถอดประกับออกมาหมดแล้ว เลขที่ออกมางวดนี้ก็เป็นตามนี้

ถอดประกับเพลาข้อเหวี่ยงออกแล้วก็เอาไม้ค่อยๆกระทุ้งก้านสูบออกมาครับ

เช็คดูshaftชาฟว่าสึกมากน้อยแค่ไหน อันนี้สึกไปเยอะเหมือนกัน แต่ไหนๆก็ถอดแล้วก็เปลี่ยนยกชุดครับ