หน้า: 1 ... 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 [29] 30   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สวนเกษตรโชคดีชุมแพ - สวนในแนวคิด สั่งได้ ลดได้ ยั่งยืน (สารบัญหน้าแรก)  (อ่าน 246712 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
คุณบรีส ชุมแพ
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 900



« ตอบ #448 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2015, 08:51:59 AM »

วันนี้เอาหลักการ Global GAP มาฝากครับ


GAP ถือเป็นมาตรฐานที่ง่าย ทำได้จริง เพียงแค่เปิดใจรับ และอย่าทำตามที่เคยๆ

บางคนบอก ทำ GAP แล้วต้นทุนสูงขึ้น... จริงไหม... ตอบเลยว่า จริง...

แต่... มันไม่ได้สูงขึ้นจนส่งผลให้ขาดทุน
และ...ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ปลายทางแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ดียิ่งกว่า

ดังนั้น หากคิดในเชิงบัญชีแล้ว มันคือ การลงทุนแบบหนึ่ง ที่สุดท้ายก็ได้ทุนคืน...


ทั้งนี้มาตรฐานตัวที่เข้มที่สุด คือ Global GAP ซึ่งเป็นมาตรฐานโลก โดยของไทยนำมาปรับให้เข้ากับเกษตรกรไทย ย่อและลด มาตรฐานลงเหลือ Thai GAP

ดังนั้นหากอะไรที่เราทำได้ตาม Global GAP ย่อมเท่ากับเราผ่าน Thai GAP ด้วยทันที

(แต่สิ่งสำคัญไม่ใช่กรอบมาตรฐาน แต่คือ คน หากมีกรอบ แต่คนไม่ปฏิบัติ GAP ก็เป็นเพียงกระดาษ)

โดยผมขออ้างอิงจาก Poster ที่ทาง GAP in Action (www.gapinaction.org) จัดทำขึ้น

ซึ่งเข้าใจง่าย ดูง่าย (แต่ข้อกำหนดจริงๆ ต้องอ่านอย่างละเอียด เพราะข้อกำหนดเขียนในรูปแบบหลักการ ไม่ใช่ข้อกำหนดให้ปฏิบัติตาม ดังนั้นจึงต้องพึ่งการแปลความให้ถูกต้องด้วย)



ห้องเก็บของสำคัญใน GAP เพราะ ห้องเก็บของที่ดี ช่วยในเรื่องการจัดการ ระเบียบ การตรวจสอบ การปนเปือน

โดยหลักการจัดการที่สำคัญสำหรับห้องเก็บของ คือ
1. กำแพงต้องป้องกันไฟได้
2. ต้องเป็นอาคารที่ถ่ายเทอากาศได้ดี
3. ต้องล็อกเพื่อป้องกันบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าห้องได้
4. ต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ปฐมพยาบาล พื้นที่ชำระ และเบอร์โทรฉุกเฉิน ให้อยู่ในระยะที่ใช้งานได้จริง ไม่ควรเกิน 10 เมตร



ภายในห้องเก็บของ ควรมีคุณสมบัติดังนี้
1. มีแสงสว่างเหมาะสม
2. มีป้ายเบอร์ติดต่อฉุกเฉิน และขั้นตอนปฏิบัติฉุกเฉิน
3. จัดเก็บสารเคมีด้วยภาชนะเดิม มีฉลากชัดเจน ไม่แบ่งจัดเก็บ
4. มีถังใส่ทราย สำหรับซับสารเคมีที่หก
5. อุณหภูมิภายในห้องไม่ควรเกิน 40 องศา และไม่ควรต่ำกว่า 5 องศา
6. สารเคมีอันตราย ควรเก็บแยกในตู้เก็บที่มิดชิด
7. ควรมีอุปกรณ์ดับเพลิง
8. ควรมีโต๊ะสำหรับดำเนินการ
9. ลำดับการวางสารเคมีหรือสิ่งของ ต้องวางสิ่งที่เป็นของเหลว ไว้ด้านล่างต่ำกว่า สิ่งที่เป็นผงหรือแห้งเสมอ
10. พื้นที่ห้องต้องป้องกันสารเคมีไหลออกไปภายนอกได้ (หากสารเคมีหก ต้องหกอยู่ภายในห้องเท่านั้น ไม่ปนเปือนออกภายนอก)
11. ชั้นวางต่างๆ ควรเป็นชั้นที่แข็งแรง สามารถอยู่ในสภาพที่ชื้นหรือเปียกได้
บันทึกการเข้า

สวนเกษตรโชคดีชุมแพ - บริหารการเกษตรภายใต้แนวคิด สั่งได้ ลดได้ ยั่งยืน เน้นการทำมะนาว ไผ่ ไก่ไข่อินทรีย์

คุณบรีส ชุมแพ
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 900



« ตอบ #449 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2015, 08:56:04 AM »

Global GAP สำหรับการทำงานในแปลง อันเกี่ยวกับการฉีดพ่นยาต่างๆ มีข้อควรปฏิบัติดังนี้
1. ต้องสวมเครื่องแต่งกายมิดชิดและถูกวิธี เพื่อปลอดภัยต่อการสัมผัสเคมี ไม่ว่าจะเป็นถุงมือ หน้ากาก ชุด รองเท้า
2. พื้นที่เตรียมสารเคมี ต้องปลอดภัยต่อการปนเปือนในแปลง ไม่ใช่ทำสารเคมีหกแล้วลงดิน
3. พื้นที่เตรียมสารเคมี ต้องมีอุปกรณ์ช่วยเหลือพร้อมในกรณีฉุกเฉิน เช่น ชุดปฐมพยาบาล แหล่งน้ำสะอาด คู่มือปฏิบัติกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
4. หากขนย้ายสารเคมีออกมานอกห้องเพื่อเตรียมสารใกล้แปลงที่จะดำเนินการ ต้องปลอดภัยต่อการเข้าถึงจากผู้อื่น และไม่ปนเปือนลงดิน (ล็อกได้ ใส่ภาชนะที่มิดชิด)



หรือเป็นการทำงานทั่วๆ ไป ปลูก ตัดแต่งกิ่ง เก็บผลผลิต ควรปฏิบัติดังนี้
1. ต้องรักษาความสะอาด สุขอนามัยอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะทำกิจใดๆ มา ก่อนเข้าแปลงต้องล้างมือ ฆ่าเชื้อโรคให้สะอาด
2. หากไม่สบาย ต้องหยุดการปฏิบัติงานและรักษาตัวพักผ่อนโดยทันที เพื่อลดการปนเปือนของเชื้อโรคจากคนสู่แปลงเพาะปลูก
3. หากเกิดอุบัติเหตุ ต้องหยุดการปฏิบัติงานทันที และต้องได้รับการปฐมพยาบาลอย่างเร่งด่วน
4. ห้ามประกอบกิจกรรมการบริโภคในแปลงเพาะปลูก (จะมาปูเสื่อปิกนิคกันไม่ได้นะ ต้องจัดเป็นสัดส่วน ตรงไหนจุดพักผ่อน ก็คือ จุดพักผ่อน)
5. ห้ามสูบบุหรี่ในแปลงเพาะปลูก ต้องสูบในที่ซึ่งจัดไว้ให้เท่านั้น



ส่วนในการทำงาน เราต้องใช้อุปกรณ์ต่างๆ ก็ควรมีระเบียบปฏิบัติต่ออุปกรณ์ดังนี้

1. ทำความสะอาดเครื่องมือทุกครั้งหลังใช้งาน
2. ทำความสะอาดอุปกรณ์บรรจุผลผลิตทุกครั้งหลังใช้งาน
3. ล้างทำความสะอาดล้อรถไถหรือพาหนะต่างๆ ก่อนเข้าแปลง เพื่อป้องกันการปนเปือนจากภายนอก
4. จัดทำกำหนดงานในการบำรุงรักษาอุปกรณ์และเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง มีบันทึกการดูแลรักษา และผู้รับผิดชอบ



บันทึกการเข้า

สวนเกษตรโชคดีชุมแพ - บริหารการเกษตรภายใต้แนวคิด สั่งได้ ลดได้ ยั่งยืน เน้นการทำมะนาว ไผ่ ไก่ไข่อินทรีย์
คุณบรีส ชุมแพ
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 900



« ตอบ #450 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2015, 08:59:00 AM »

Global GAP บังคับว่า การเก็บเกี่ยว การจัดการผลผลิต ต้องไม่ปนเปือน

ดังนั้น เราจะเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว วางกับพื้น ให้เบื้อนดินไม่ได้เลย  ต้องมีการปูผ้า เพื่อรองก่อน เป็นต้น

และเพื่อการจัดการที่แน่ใจได้ว่าไม่ปนเปือนแน่นอน ก็ควรมีโรงคัดแยกผลผลิต ที่มีกระบวนการทำความสะอาด คัดกรอง บรรจุ

โดยหลักการเหมือนกับข้อบังคับการปฏิบัติงานในแปลง คือ

1. ต้องรักษาความสะอาด สุขอนามัยอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะทำกิจใดๆ มา ก่อนเข้าทำงานในโรง ต้องล้างมือ ฆ่าเชื้อโรคให้สะอาด
2. หากไม่สบาย ต้องหยุดการปฏิบัติงานและรักษาตัวพักผ่อนโดยทันที เพื่อลดการปนเปือนของเชื้อโรคจากคนสู่ผลผลิต
3. หากเกิดอุบัติเหตุ ต้องหยุดการปฏิบัติงานทันที และต้องได้รับการปฐมพยาบาลอย่างเร่งด่วน
4. ห้ามประกอบกิจกรรมการบริโภคในพื้นที่คัดแยก
5. ห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่คัดแยก ต้องสูบในที่ซึ่งจัดไว้ให้เท่านั้น

และมีเพิ่มเติมที่เคร่งครัดขึ้นคือ

6. การเช็ดมือ ไม่ควรใช้ผ้า แต่ควรใช้กระดาษชำระ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค
7. การใส่เครื่องประดับ ห้ามใส่เครื่องประดับที่อาจทำให้เกิดการเกี่ยว ข่วน เช่น แหวนที่ไม่เรียบ นาฬิกา ตุ้มหู สร้อย เพื่อความปลอดภัยต่อผู้ทำงานเอง
8. สวมหมวกคลุมผมให้มิดชิด ไม่ให้ผมปนเปือนไปกับผลผลิต
9. สวมผ้ากันเปือน ป้องกันการปนเปือน และสร้างสุขนิสัยที่สะอาด
10. ไม่ควรใช้โทรศัพท์ เพราะจะทำให้เสียสมาธิในการทำงาน (ถ้าโรงคัดแยกมีเครื่องจักร ยิ่งต้องระวัง)

บันทึกการเข้า

สวนเกษตรโชคดีชุมแพ - บริหารการเกษตรภายใต้แนวคิด สั่งได้ ลดได้ ยั่งยืน เน้นการทำมะนาว ไผ่ ไก่ไข่อินทรีย์
คุณบรีส ชุมแพ
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 900



« ตอบ #451 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2015, 09:04:07 AM »



การบันทึกการทำงาน เป้าหมายเพื่อการติดตามกระบวนการทำงาน และการตรวจทานสอบกลับในกรณีที่เกิดปัญหาขึ้นได้

1. บันทึกต้องบ่งบอกว่า เป็นการดำเนินงานอะไร ดำเนินงานกับแปลงไหน ดำเนินงานวันที่เท่าไร ใครเป็นผู้รับผิดชอบ เหตุผลในการดำเนินงานคืออะไร รายละเอียดการดำเนินงาน เช่น การใช้สารเคมี เท่าไร
2. ต้องมีการจัดทำตารางการดำเนินงาน ที่ระบุว่าวันไหน ฉีดพ่นยา หรือบำรุงอะไร และวันไหนเก็บเกี่ยวได้ในระยะปลอดภัย

บันทึกการเข้า

สวนเกษตรโชคดีชุมแพ - บริหารการเกษตรภายใต้แนวคิด สั่งได้ ลดได้ ยั่งยืน เน้นการทำมะนาว ไผ่ ไก่ไข่อินทรีย์
คุณบรีส ชุมแพ
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 900



« ตอบ #452 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2015, 09:06:41 AM »



พื้นที่โดยรอบของโรงจัดเก็บผลผลิต ต้องปราศจากสัตว์พาหะนำโรค เช่น หนู และต้องไม่เป็นแหล่งที่อยู่ของสัตว์ใดๆ ดังนั้น

1. ต้องมีการซ่อมบำรุงโรงจัดเก็บผลผลิตอย่างสม่ำเสมอ ต้องมีมาตรการในการจัดการกับสัตว์พาหะนำโรค
2. ต้องมีการจัดการกับขยะ ไม่ให้มีการปนเปือน ไม่ให้เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค
3. ต้องคัดแยกขยะ และจัดการอย่างเหมาะสม (รวมถึงขยะเคมี ขยะพิษต่างๆ ด้วย)
4. พื้นที่โดยรอบโรงจัดเก็บ ควรตัดแต่งหญ้าให้เรียบ ไม่เป็นแหล่งซ่อนตัวของสัตว์พาหะนำโรค
5. การจัดวางผลผลิต นอกจากต้องใส่ภาชนะที่เหมาะสมแล้ว ควรวางให้เหนือพื้น เพื่อป้องกันฝุ่น ป้องกันความชื้นจากพื้น
6. ในการดำเนินงานเพื่อการจัดเก็บ ผลผลิตควรได้รับการจัดการที่ปลอดภัย สะอาด ปราศจากปัจจัยที่ทำให้เกิดการปนเปื้อน เช่น การทำงานบนโต๊ะ(ที่สะอาด) เป็นต้น
7. ควรจัดทำแบบบันทึกการตรวจพบสัตว์พาหะนำโรค และการจัดการ เพื่อใช้อ้างอิงและตรวจสอบกลับเมื่อเกิดปัญหา



นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่เราต้องใช้ประจำในแปลงเพาะปลูกคือ ปุ๋ย ต่างๆ

Global GAP ก็มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดการ สารต่างๆ ที่ใช้ ดังนี้

1. พื้นที่จัดเก็บปุ๋ย ให้ดีคือ ใส่ถุงและจัดวางอย่างมีระเบียบ ใต้พื้นมีการปูผ้าพลาสติกเพื่อป้องกันการไหลของปุ๋ยเข้าแปลง
2. หากจัดเก็บปุ๋ยน้ำ ควรมีภาชนะรองที่มีขนาดใหญ่กว่าขนาดถังเก็บ เพื่อป้องกันกรณีถังเสียหาย ของเหลวทั้งหมดจะไม่ปนเปือน
3. สามารถจัดเก็บในพื้นที่เดียวกับห้องเก็บสารเคมีได้ แต่ต้องแยกห้องอย่างชัดเจน
4. การจัดเก็บต้องมีการยกสูงจากพื้นเล็กน้อย เพื่อป้องกันความชื้น
5. ห้ามนำผลผลิตมาจัดเก็บในโรงเรือนจัดเก็บปุ๋ยหรือสารเคมี



บันทึกการเข้า

สวนเกษตรโชคดีชุมแพ - บริหารการเกษตรภายใต้แนวคิด สั่งได้ ลดได้ ยั่งยืน เน้นการทำมะนาว ไผ่ ไก่ไข่อินทรีย์
คุณบรีส ชุมแพ
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 900



« ตอบ #453 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2015, 09:08:53 AM »

งานต่อมาของผม คือ การสร้างเกราะป้องกัน สารเคมี แมลงศัตรูพืช

นั้นคือ การรอบแปลงมะกรูดด้วยสแลน

เพราะใกล้หน้าหนาว ถึงเวลาเกี่ยวข้าว ตัดอ้อย ขุดมัน กิจกรรมใดๆ ของพื้นที่ข้างเคียง ส่งผลเสมอต่อสวน

แม้ว่าชั้นนอกสุด จะมีแนวกล้วยเป็นเกราะกำบังชั้นแรก แต่กำแพงชั้นใน เราก็ต้องทำ เพื่อป้องกันทั้งลม ละอองเคมี หรือแม้แต่การหนีของแมลงศัตรูพืชจากพื้นที่ข้างเคียง

ที่สวนเกษตรโชคดีชุมแพ ผมจึงลงทุนเสาหลัก ซึ่งเป็นเสารับแรงดึง ด้วยท่อเหล็กน้ำประปา ขนาด 2 นิ้ว โดยติดตั้งเสาหลักรับแรงทุกๆ ระยะ 30-40 เมตร ส่วนระหว่างเสาเหล็ก จะเป็นเสาไม้ยูคา เพื่อลดต้นทุน

ด้านนอกของสแลน เราจะปลูกไม้ยืนต้นที่มีโครงสร้างสูงตรงและให้ประโยชน์ สามารถคุมความสูงได้ เช่น สะเดา เมื่อโตขึ้น เราจะตัดยอดสะเดา คุมความสูงให้ในระดับที่เหมาะสม ต้นสะเดาจะกลายเป็นเสาให้ในระยะยาว ใบและทรงพุ่มของสะเดาจะช่วยลดแรงลม

ทำให้ระยะยาวแล้ว เราจะไม่ต้องเปลี่ยนหรือแก้ไขซ่อมบำรุงเสาบ่อยๆ คงเหลือแต่งานซ่อมบำรุงสแลน ที่จะขาดเปื่อยตามอายุการใช้งาน

เคล็ดไม่ลับกับเสาสแลน ป้องกันลมและละอองเคมี จากพื้นที่ข้างเคียง...
การติดตั้งเสาหลัก จะเลือกเสาปูน หรือเสาเหล็ก หรือเสาไม้ก็ตามกำลังทรัพย์ แต่... ต้องค้ำยันด้วยเสาเสริมแรง ตามแนวดึงของสแลน ย้ำว่าแนวแรงดึง ซึ่งคือ ตามแนวสแลนนั้นเอง

ไม่ใช่ เอาเสาเสริมไปยัน ในแนวตรงข้ามแรงดึง(ยันตั้งฉากกับสแลน) เพื่อดันไม่ให้เสาหลักล้ม เพราะแรงที่ทำให้เสาหลักล้มจริงๆ เกิดจากการดึงของสแลน ไม่ใช่เกิดจากแรงลมที่ทำกับเสา (แรงลมที่มีผลที่สุด คือ ลมที่ทำแนวตั้งฉากกับสแลน)

หากติดตั้งเสาค้ำแล้วยังล้ม แสดงว่า ระยะห่างของเสาหลักนั้น ยาวเกินไป ไม่ใช่เสาหลักแข็งแรงไม่พอนะครับ

และหากล้มจริง ทางแก้ไขคือ เพิ่มเสาหลัก ไม่ใช่เพิ่มเสาค้ำยันช่วยเสาหลักนะครับ

ขอให้ทุกสวนผ่านช่วงหน้าหนาว ลมแรงกันได้ทุกสวนครับ




บันทึกการเข้า

สวนเกษตรโชคดีชุมแพ - บริหารการเกษตรภายใต้แนวคิด สั่งได้ ลดได้ ยั่งยืน เน้นการทำมะนาว ไผ่ ไก่ไข่อินทรีย์
คุณบรีส ชุมแพ
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 900



« ตอบ #454 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2015, 10:22:32 AM »

ลืมอัพเดตเลย

วันพ่อที่ผ่านมา ไปตรวจงาน พบว่าไปได้ดี

แนวทางการแก้ปัญหาที่วางแผนไว้ ใช้ได้ ที่เหลือค่อยๆ รอผลของการแก้ไข

เวลาเหลือว่างๆ เลยไปลองขับรถไถตัดหญ้าดู

สนุกดี





และตอนนี้ก็มีโครงการทดสอบ

คือ การคลุมหญ้า

ที่สวน ใช้พลาสติกคลุมหญ้าแล้ว พบว่าอยู่ได้ไม่นาน เพราะลมแรง ลมเป็นตัวทำให้พลาสติกขาด พอขาดก็ลาม





เลยทดสอบ พลาสติกก่อสร้าง มาใช้ในการคลุมหญ้า ความหนาของพลาสติกตัวนี้ มากกว่าพลาสติกคลุมหญ้าปกติถึง 100 เท่า ไม่รู้จะปูแล้วอยู่ได้นานเท่าไร แต่ก็ต้องลองดู

อีกอันคือ ลงทุนซื้อ ผ้าคลุมหญ้า มาใช้ เดี๋ยวเสาร์นี้ขนขึ้นไปให้คนงานปู

สำหรับผ้าคลุมนั้น ผลไม่ต้องบอก เพราะหลายสวนลองแล้ว อยู่ได้นานสองปี ขึ้นไป

ซึ่งคุ้มครับ

บันทึกการเข้า

สวนเกษตรโชคดีชุมแพ - บริหารการเกษตรภายใต้แนวคิด สั่งได้ ลดได้ ยั่งยืน เน้นการทำมะนาว ไผ่ ไก่ไข่อินทรีย์
Buaroeynop
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1592


« ตอบ #455 เมื่อ: มกราคม 01, 2016, 02:36:47 PM »

บันทึกการเข้า
anytime04
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 17


« ตอบ #456 เมื่อ: มกราคม 04, 2016, 07:47:15 AM »

สวัสดีค่ะคุณบรีซ

        จะขอรบกวนไปเยี่ยมชมสวนเกษตรโชคดีชุมแพได้ไหมคะ  แอนอยู่ภูเวียงค่ะ จะกลับกรุงเทพวันที่ 8 นี้  เลยจะขอเข้าเยี่มชม ในช่วงวันที่ 5 ถึง 8 ถ้าคุณบรีซสะดวก
ขอบคุณล่วงหน้านะคะ  095 389 2942
บันทึกการเข้า
คุณบรีส ชุมแพ
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 900



« ตอบ #457 เมื่อ: มกราคม 06, 2016, 12:12:23 PM »

ขออภัย พึ่งเข้ามาเห็นโพสต์

วันเวลาก็เลยผ่านมาแล้ว

ผมขึ้นสวนวันที่ 9 ครับ

คงไม่ทันกัน 555

บันทึกการเข้า

สวนเกษตรโชคดีชุมแพ - บริหารการเกษตรภายใต้แนวคิด สั่งได้ ลดได้ ยั่งยืน เน้นการทำมะนาว ไผ่ ไก่ไข่อินทรีย์
คุณบรีส ชุมแพ
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 900



« ตอบ #458 เมื่อ: มกราคม 14, 2016, 09:50:36 AM »

มะกรูด 4 เดือนนิดๆ แล้วครับ



เติบโตตามสมควร

สิ่งที่ได้มากกว่าการเติบโตคือ บทเรียน การบริหารจัดการ

ที่จะกลายเป็นฐานทุนที่ดีสำหรับพืชและพื้นที่ต่อๆ ไป
บันทึกการเข้า

สวนเกษตรโชคดีชุมแพ - บริหารการเกษตรภายใต้แนวคิด สั่งได้ ลดได้ ยั่งยืน เน้นการทำมะนาว ไผ่ ไก่ไข่อินทรีย์
คุณบรีส ชุมแพ
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 900



« ตอบ #459 เมื่อ: มกราคม 19, 2016, 08:48:19 AM »

โปรเจ็กต์ต่อไป

... ระบบพ่นยากึ่งอัตโนมัติ...


ในการบริหารจัดการสวน ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ผมพบปัญหาสำคัญคือ ปัญหาแรงงาน

ส่งผลให้รอบการฉีดพ่นยา ไม่สามารถทำได้ตามกำหนดที่เหมาะสม ในขณะเดียวกันผมเองก็ไม่มีเงินทองมากพอจะจ้างหรือดึงดูดให้ใครอยู่กับเราตลอดเวลา

การจ้างแรงงานในปัจจุบันจึงเป็น การจ้างแบบรายวัน มีงานก็จ้าง โดยผมพยายามสร้างงานให้มีสม่ำเสมอ เฉลี่ย 4 วันต่อสัปดาห์

ซึ่งที่ผ่านมา ก็เปลี่ยนคนงานไปหลายชุด ปัญหาหลักๆ ก็จากตัวคนงานเอง เบื่อบ้าง ไม่รักษาคำสัญญาบ้าง

ผมจึงคิดทางแก้ปัญหาเรื่องนี้ สำหรับแปลงมะกรูด ที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่งั้นใบก็ไม่สวยพอจะขายได้ในราคาสูง

คือ การติดตั้งระบบพ่นยากึ่งอัตโนมัติ

ใช้คำว่า "กึ่ง" เพราะ มันไม่ได้จำเป็นต้องอัตโนมัติ แต่มันก็ลดภาระงานได้เยอะ


โดยกระบวนการคือ

1. ติดตั้งหัวพ่นหมอก ตามแนวร่องแปลงมะกรูด ระยะห่าง 2 เมตร โดยติดตั้งแบบสลับฟันปลา และหัวพ่นขึ้นประมาณ 20 องศา ความสูงของหัวพ่นคือ ความสูงของต้นมะกรูด ซึ่งระยะแรกต้องติดตั้งที่ 80 ซม. ระยะยาวที่ 100 ซม.

2. ติดตั้งปั้มสูบยา ที่อัดแรงดันได้ 2-3 บาร์ แบ่งโซนตามความสามารถของปั้ม

การทำงานคือ
1. ผสมยาลงถัง
2. เปิดเครื่องสูบยา ฉีดพ่น ตามกำหนดเวลา โดยเพิ่มอัตราปริมาณของน้ำยา ให้สูงกว่าปกติที่ใช้ ตามการคำนวณ เพื่อทดแทนน้ำที่เสียไปในท่อ (น้ำยาที่ค้างท่อ) โดยคำนวณคร่าวๆ ในสภาพแวดล้อมของผม ทุกๆ 60 เมตร เสียน้ำยา 10 ลิตร
3. เมื่อเปิดจนครบทุกโซน ให้ทิ้งระยะไว้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง แล้วล้างระบบ ด้วยการไล่น้ำแต่ละโซน ตามปริมาณที่ชดเชย คูณสามเท่า เช่น ชดเชย 10 ลิตร ก็พ่นน้ำเปล่าล้าง 30 ลิตร เป็นต้น

หลักคิดประมาณนี้

ปัญหาหน้างานที่คาดว่าจะเจอคือ

พื้นที่ครอบคลุมของละอองหมอก ตรงนี้ผมคาดหมายไว้ที่ 80% ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งระยะยาวจะเห็นผลเองว่าตรงไหนได้ไม่ได้ ก็ค่อยเพิ่มหัวพ่น ในจุดทีเป็นปัญหา

ดังนั้น ปั้มที่เลือกจึงต้องเลือกสเปกที่เผื่อๆ ไว้เสริมหัวพ่นหมอก ด้วย


นอกจากใช้พ่นยาแล้ว ยังใช้พ่นสารเสริม สารบำรุง และพ่นเป็นละอองน้ำ ลดอุณหภูมิของแปลงได้อีกด้วย

การลงทุนค่อนข้างสูงก็จริง คือ

1. ระบบปั้มพ่นหมอก ประมาณ 6 พันบาท
2. หัวพ่นหมอก ชุดละ 8 บาท (ของ SuperProduct) อีก 750 หัว เท่ากับ 6000 บาท
3. สายไมโคร PE ขนาด 4/7 อีก 25 ม้วน ประมาณ 5000 บาท
4. สาย PE ขนาด 16mm 1 ม้วน ประมาณ 550 บาท
5. ชุดข้อต่อต่างๆ อีกประมาณ 3000 บาท

ประมาณเท่ากับ 20550 บาท ขึ้นไป

คิดเป็นค่าแรงคนงานได้ 20550/300 บาท เท่ากับ 68 วัน หรือพ่นยาได้ 100 ครั้ง หากพ่นทุกๆ สองสัปดาห์ ก็จะพ่นได้ 2 ปี

ตัวเลขแบบนี้ เท่ากับคืนทุน 2 ปี ก็น่าลงทุน

แต่ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า ตัดปัญหาคนงานขาดหาย ไม่มาทำงาน ได้ 100%
และการทำงานฉีดพ่นสามารถทำได้ทุกเวลา ไม่ต้องเสี่ยงเดินลงแปลง เช่น จะพ่นชีวภาช่วงพระอาทิตย์ตก ก็พ่นได้เลย   ต่างกับแต่ก่อน ต้องพ่นช่วง 4 โมง เพื่อให้พ่นเสร็จไม่มืดเกินไป

----------------------------------------
มาดูหน้าตาเจ้าระบบเครื่องพ่นกันครับ





ชุดเชื่อมต่อสาย PE สำหรับแบ่งโซนพ่นหมอก แต่ละโซนจะพ่นได้กี่หัว แรงดันเท่าไร ต้องคำนวณจากปั้มหลักที่ใช้ โดยการออกแบบนี้สามารถต่อหัวพ่นเพิ่มโซนได้ไม่จำกัด ปลายท่อต่อด้วยวาวล์น้ำ สำหรับเปิดปิด สามารถบริหารจัดการเปิดปิดได้ด้วยตนเอง

หรือหากต้องการอัตโนมัติ ก็เพิ่มวาลว์ไฟฟ้า (แต่ก็เพิ่มต้นทุน)

ปลายอีกด้านหนึ่งที่ใกล้ขาเหล็กฉาก มีไว้สำหรับติดตั้งเกจวัดแรงดัน เพื่อตรวจสอบแรงดันให้ได้ตามต้องการ ประมาณ 2-4 บาร์

หากแรงดันต่ำกว่าปกติ แสดงว่าเกิดการอุดตันที่ไส้กรอง หรือปั้มมีปัญหา



ระบบกรองแบบง่ายๆ 2 ชุด เพื่อป้องกันการอุดตัน และเพิ่มการไหลของน้ำ โดยการออกแบบให้ลดขนาดท่อลงจากขนาดที่ปั้มจ่าย เพื่อลดต้นทุนอุปกรณ์ทั้งหมด และรีดแรงดันให้สูงขึ้น เป็นลำดับ จนถึงปลายทางที่เป็นหัวพ่นหมอก


ด้านดูด ติดตั้งวาวล์เพื่อเติมน้ำ ก่อนการใช้งาน ลดปัญหาการมีอากาศในระบบ

ส่วนที่ปลายท่อ ติดตั้งฟุตวาวล์ป้องกันอีกชั้นหนึ่ง
ระหว่างท่อมีข้อต่อสำหรับในกรณีต้องขยับหรือเปลี่ยนถัง สามารถหมุนท่อดูดออกเพื่อการบำรุงรักษาได้


ถ่ายเซฟฟี่เสียหน่อย 555
บันทึกการเข้า

สวนเกษตรโชคดีชุมแพ - บริหารการเกษตรภายใต้แนวคิด สั่งได้ ลดได้ ยั่งยืน เน้นการทำมะนาว ไผ่ ไก่ไข่อินทรีย์
คุณบรีส ชุมแพ
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 900



« ตอบ #460 เมื่อ: มกราคม 28, 2016, 08:33:50 AM »

เกษตรปลอดภัย...คือหัวใจสำคัญ

+++ รูปแสดงความแตกต่างของการป้องกันในงานช่างทั่วไป กับงานพ่นสารเคมี (ที่ยังไม่ได้ใส่แว่นคลุมตาและใส่หมวกคลุม) ++++
วันก่อนโทรทัศน์ออกข่าวเกี่ยวกับสารพิษจากเหมือง ทำให้ชาวบ้านไม่สบาย มีสารพิษตกค้างในเลือด ...จากข่าวนี้ต่อด้วยข่าว ชาวบ้านโวยวาย ว่าภาคเกษตรย่ำแย่ รายได้ตก แถมเสี่ยงสารพิษ แล้วก็มีสัมภาษณ์ชาวบ้าน เขาก็บ่นว่า "ไม่ใช้สารเคมีก็ได้ พ่นไปตัวเองก็รับพิษไป"
ฟังแล้วรู้สึกไม่ดีเลย...ความจริงแล้ว ความรู้ในการใช้สารเคมีนั้น หากใช้ให้ถูกต้อง เหมาะสม ยึดหลัก Safety First เสมอ ก็จะปลอดภัยทั้งต่อตนเองและผู้บริโภคปลายทาง

ที่สวนเกษตรโชคดีชุมแพ เราก็เข้มงวดกับการใช้สารเคมีมาก ไม่ใช่แค่เพราะว่าเราทำตามหลัก GAP (อยู่ในช่วงปรับปรุงเพื่อขอสอบมาตรฐานนะครับ)
แต่เรามองความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง...

วันนี้จึงขอแนะนำอุปกรณ์ป้องกันที่ควรมีติดสวน...
1. ชุดป้องกันสารเคมี 3M เป็นชุดป้องกันที่ไม่ให้สารเคมีหรือละอองเคมี สัมผัสผิวหนังเลย คงเหลือเฉพาะ มือ เท้าและใบหน้า
จึงช่วยให้ผู้ที่ต้องทำงานฉีดพ่นสารเคมี มีปลอดภัยสูง
2. ถุงมือยาง เลือกชนิดที่ป้องกันสารเคมีได้ โดยก่อนการใช้งานทุกครั้งต้องตรวจสอบการรั่วก่อนเสมอ
3. หน้ากากป้องกันสารเคมี ...ตัวนี้สำคัญที่สุด เพราะป้องกันการสูดดม ละอองเคมีที่เราพ่นให้กับพืช หลังจากใช้มาหลายตัว ขอแนะนำของ 3M รุ่น 3000 ตัวนี้ หายใจคล่องสบาย (วิ่งได้เลย) ระบบการรัด ไม่ทำให้รำคาญหรือเจ็บ ถอดเข้าออกง่าย แม้ว่ามีราคาสูงกว่ารุ่นสีน้ำเงินที่เป็นของจีน อยู่มาก (ประมาณ 4 เท่า) แต่คุณภาพแตกต่างกันมาก
4. แว่นครอบกันดวงตา (ไม่มีภาพ ไม่ได้ถ่ายไว้ ลืม) เป็นแว่นคล้ายแว่นตากันน้ำ สามารถป้องกันละอองน้ำเข้าดวงตาได้ 100% ส่วนแว่นตาในภาพ เป็นแบบกันฝุ่นกระเด็ด สำหรับงานช่างทั่วไป ใช้ไม่ได้นะครับ
5. รองเท้ายาง เลือกที่เป็นชนิดป้องกันสารเคมี
6. ผ้าคลุมหน้า (ผ้าคลุมไอ้โม่ง) เลือกที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ ใช้ปกปิดส่วนของแก้มเล็กน้อยที่ ชุดและหน้ากาก แว่นตา ปิดไม่หมด
ที่สำคัญสารเคมีที่ใช้ควรเลือกยี่ห้อที่ไว้ใจได้ หากมีสารตัวเดียวกัน มีฉลากหลายสี ให้เลือกฉลากสีน้ำเงินจะปลอดภัยมากสุด
และเมื่อฉีดพ่นเรียบร้อย ให้อาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกาย อย่างน้อย 3 น้ำ เพื่อความปลอดภัย นะครับ

บันทึกการเข้า

สวนเกษตรโชคดีชุมแพ - บริหารการเกษตรภายใต้แนวคิด สั่งได้ ลดได้ ยั่งยืน เน้นการทำมะนาว ไผ่ ไก่ไข่อินทรีย์
คุณบรีส ชุมแพ
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 900



« ตอบ #461 เมื่อ: มกราคม 29, 2016, 08:29:29 AM »

ภาพการติดตั้งเครื่องพ่นยา แปลงมะกรูด1 (2 ไร่)

จากการคำนวณโดยกราฟ(ที่เชื่อถือไม่ค่อยได้) ของปั้มจีน ประมาณว่า 1 แถวซึ่งติดตั้งหัวพ่นหมอกประมาณ 42-45 หัว สามารถพ่นโดยคงแรงดันที่ 2 บาร์ได้ประมาณ 4-5 แถว รวมๆ ไม่เกิน 200 หัวพ่น

จึงแบ่งโซนเบื้องต้นไว้ 5 โซนๆ ละ 5 แถว (5 วาวล์) หากทดสอบแล้วไม่สามารถพ่นได้แรงดันเหมาะสม สายหมอกเกิดเป็นละอองไม่ละเอียด ก็จะลดจำนวนแถวลงเหลือ 4 แถว เพื่อเพิ่มแรงดันให้สูงขึ้น

ด้านการติดตั้งหัวพ่นหมอก จะติดสูงเหนือยอดใบมะกรูดเมื่อตัดแล้ว ซึ่งหมายถึงเมื่อใบมะกรูดโตสูงสุด 60 วัน หัวพ่นหมอก จะต่ำกว่าปลายยอดสุด สัก 10-20 ซม.

ประเมินเบื้องต้น ด้วยความแรงของสายหมอก แรงลมเล็กน้อย และความถี่ของหัวพ่นที่ติดตั้งครอบคลุมพื้นที่รัศมี 1.25 เมตร น่าจะพ่นละอองได้ครอบคลุมมากกว่า 80%

ปัจจุบันยังติดตั้งไม่เสร็จ...ยังไงรอติดตามกันไปนะครับ





บันทึกการเข้า

สวนเกษตรโชคดีชุมแพ - บริหารการเกษตรภายใต้แนวคิด สั่งได้ ลดได้ ยั่งยืน เน้นการทำมะนาว ไผ่ ไก่ไข่อินทรีย์
คุณบรีส ชุมแพ
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 900



« ตอบ #462 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2016, 04:14:34 PM »

ช่วงกุมภาพันธ์ของปีที่แล้ว ผมเขียนสรุปประสบการณ์ด้านการเกษตร ครบ 1 ปี ไว้

วันนี้เลยขอเขียนประสบการณ์ในปีที่ 2 ว่าได้เรียนรู้อะไรบ้าง

1. ปีนี้เรียนรู้ปัญหาการจัดการคนงาน อย่างเข้มข้นเลยครับ บ่อยครั้งที่ความผิดพลาดในการทำงานของสวน เกิดจากคนงานเป็นส่วนตัว เช่น การพ่นยา รูปแบบการจ้างที่คนงานชอบคือ จ้างพ่นเป็นถัง หมดถังก็พ่นใหม่ ซึ่งก็แฟร์ดีสำหรับเราและเขา

แต่ในการทำงานจริง เขาพ่นแทบจะมั่ว ไม่ใส่ใจ ไม่คิดว่างานพ่นของตัวเอง มีคุณค่าอย่างไร สักแต่จะพ่นให้หมดๆ

สิ่งที่ผมสงสัยคือ ชุดความคิดที่ว่าพ่นให้หมดเร็วๆ นั้น ไม่ผิด เพราะหมดเร็ว ต่อถังเร็ว ได้เงินเยอะ

แต่ทำไมถึงพ่นตัวต้นไม้น้อยๆ แล้วใช้วิธีเดินเร็วๆ เพื่อให้พ่นพื้นที่ได้มากๆ

หากผมคิดแบบเดียวกัน ผมจะพ่นแต่ละต้นให้เยอะๆ ไม่ต้องเหนื่อยเดินมาก แต่น้ำในถังก็หมดเร็ว เช่นกัน... การพ่นแต่ละต้นเยอะ ป้องกันได้จริง เจ้าของสวนก็เปลืองยาหน่อย และเราในฐานะคนงานก็ได้เงินเยอะขึ้น

ผมจึงไม่เข้าใจชุดความคิดแบบนี้ แปลกดี

มีหลายครั้งที่ เจอชุดความคิดแปลกๆ ที่ส่งผลต่องาน จนทำให้ตลอดปี เกิดความเสียหายกับสวนค่อนข้างมาก เช่น มะนาว ยอดอ่อนเสียหายไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง มะกรูดต้องตายเพราะสู้กับหญ้าไม่ไหว

2. ปีนี้ลงมือเองเยอะมาก เพราะจากปัญหาข้อ 1 จึงลุยเอง และผลลัพธ์ที่ได้ถึงเหนื่อย แต่ก็มีความสุข ผลผลิตต่างๆ ได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ และด้วยการต้องทำเอง ซึ่งทำได้แค่เสาร์อาทิตย์ ผมจึงต้องพึ่งพาวิชาบริหารจัดการ ในการจัดลำดับงานต่างๆ ค่อนข้างมาก

เรียกว่าได้ทดสอบ ทดลอง กลยุทธ์ต่างๆ ใหม่ๆ หลายรอบ มีการจ่ายออกมากกว่าที่วางแผน เพื่อตอบโจทย์ปัญหาจากข้อ 1

เช่น ปัญหาหญ้า แก้ด้วย ผ้าคลุมหญ้า ที่จบปัญหาหญ้าไปยาวๆ 3 ปี / ปัญหาการพ่นยา แก้ด้วยการพ่นเอง วางสูตรยา เป็นแบบป้องกัน ให้ครอบคลุมระยะเวลา 2 สัปดาห์ / ลงทุนเครื่องมือเพิ่มเติม เพื่อให้เบาแรง

3. การจัดการ GAP ช่วยให้เข้าใจภาพความปลอดภัยมากขึ้น ดูๆ ไปจริงๆ ก็เหมือนทำ ISO ในโรงงาน

4. ปรับแผนด้านรายได้ ผลผลิต และวางแผนสร้างความยั่งยืนมากขึ้น โดยอิงจากประสบการณ์ที่ได้สัมผัส ส่วนใหญ่จะยืดเวลาออกไป เดินช้าๆ ทีละก้าว มากกว่าจะเร่งให้สมบูรณ์เหมือนปีที่ผ่านมา



บันทึกการเข้า

สวนเกษตรโชคดีชุมแพ - บริหารการเกษตรภายใต้แนวคิด สั่งได้ ลดได้ ยั่งยืน เน้นการทำมะนาว ไผ่ ไก่ไข่อินทรีย์
josave69
เกษตรกรมือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2633



« ตอบ #463 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2016, 12:59:35 AM »

ช่วงกุมภาพันธ์ของปีที่แล้ว ผมเขียนสรุปประสบการณ์ด้านการเกษตร ครบ 1 ปี ไว้

วันนี้เลยขอเขียนประสบการณ์ในปีที่ 2 ว่าได้เรียนรู้อะไรบ้าง

1. ปีนี้เรียนรู้ปัญหาการจัดการคนงาน อย่างเข้มข้นเลยครับ บ่อยครั้งที่ความผิดพลาดในการทำงานของสวน เกิดจากคนงานเป็นส่วนตัว เช่น การพ่นยา รูปแบบการจ้างที่คนงานชอบคือ จ้างพ่นเป็นถัง หมดถังก็พ่นใหม่ ซึ่งก็แฟร์ดีสำหรับเราและเขา

แต่ในการทำงานจริง เขาพ่นแทบจะมั่ว ไม่ใส่ใจ ไม่คิดว่างานพ่นของตัวเอง มีคุณค่าอย่างไร สักแต่จะพ่นให้หมดๆ

สิ่งที่ผมสงสัยคือ ชุดความคิดที่ว่าพ่นให้หมดเร็วๆ นั้น ไม่ผิด เพราะหมดเร็ว ต่อถังเร็ว ได้เงินเยอะ

แต่ทำไมถึงพ่นตัวต้นไม้น้อยๆ แล้วใช้วิธีเดินเร็วๆ เพื่อให้พ่นพื้นที่ได้มากๆ

หากผมคิดแบบเดียวกัน ผมจะพ่นแต่ละต้นให้เยอะๆ ไม่ต้องเหนื่อยเดินมาก แต่น้ำในถังก็หมดเร็ว เช่นกัน... การพ่นแต่ละต้นเยอะ ป้องกันได้จริง เจ้าของสวนก็เปลืองยาหน่อย และเราในฐานะคนงานก็ได้เงินเยอะขึ้น

ผมจึงไม่เข้าใจชุดความคิดแบบนี้ แปลกดี

มีหลายครั้งที่ เจอชุดความคิดแปลกๆ ที่ส่งผลต่องาน จนทำให้ตลอดปี เกิดความเสียหายกับสวนค่อนข้างมาก เช่น มะนาว ยอดอ่อนเสียหายไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง มะกรูดต้องตายเพราะสู้กับหญ้าไม่ไหว

2. ปีนี้ลงมือเองเยอะมาก เพราะจากปัญหาข้อ 1 จึงลุยเอง และผลลัพธ์ที่ได้ถึงเหนื่อย แต่ก็มีความสุข ผลผลิตต่างๆ ได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ และด้วยการต้องทำเอง ซึ่งทำได้แค่เสาร์อาทิตย์ ผมจึงต้องพึ่งพาวิชาบริหารจัดการ ในการจัดลำดับงานต่างๆ ค่อนข้างมาก

เรียกว่าได้ทดสอบ ทดลอง กลยุทธ์ต่างๆ ใหม่ๆ หลายรอบ มีการจ่ายออกมากกว่าที่วางแผน เพื่อตอบโจทย์ปัญหาจากข้อ 1

เช่น ปัญหาหญ้า แก้ด้วย ผ้าคลุมหญ้า ที่จบปัญหาหญ้าไปยาวๆ 3 ปี / ปัญหาการพ่นยา แก้ด้วยการพ่นเอง วางสูตรยา เป็นแบบป้องกัน ให้ครอบคลุมระยะเวลา 2 สัปดาห์ / ลงทุนเครื่องมือเพิ่มเติม เพื่อให้เบาแรง

3. การจัดการ GAP ช่วยให้เข้าใจภาพความปลอดภัยมากขึ้น ดูๆ ไปจริงๆ ก็เหมือนทำ ISO ในโรงงาน

4. ปรับแผนด้านรายได้ ผลผลิต และวางแผนสร้างความยั่งยืนมากขึ้น โดยอิงจากประสบการณ์ที่ได้สัมผัส ส่วนใหญ่จะยืดเวลาออกไป เดินช้าๆ ทีละก้าว มากกว่าจะเร่งให้สมบูรณ์เหมือนปีที่ผ่านมา





ชอบเข้ามาดูสวนบ่อยๆคับ มาตรฐานดี  ลูกจ้างพ่นยาคงไม่มีแนวความคิดไรมากนอกจากทำงานให้มันเสร็จๆ ต้องเดินเร็วๆโปรยทั่วๆเพราะยืนฉีดกับที่มัน เหเหม็นเข้าจมูก จำเป็นต้องเดินหนี และกดหัวฉีดต่ำสุดเพราะกลัวละอองยา  ทำให้หลายๆครั้งเราเบื่อลูกจ้างต้องมาทำเอง การทำเอง ถ้ามีทุนก็สามารถหาซื้ออุปกรณ์อำนวยความสะดวกได้มากมาย รวมทั้งปรับสวนให้มีมาตรฐานได้ไหม่ยาก ทำให้ต้องอัดเม็ดเงินจำนวนมากเข้าไปเพื่อให้เป็นรูปร่างโดยเร็วที่สุด ซึ่งบางครั้งก็มีแผนงานหลายอย่างที่ไม่สมปราถนา เดี๋ยวแก้ เดี๋ยวปรับ อยู่นั่น แถมพอสวนมีผลผลิต ก็ต้องกลับมาหาแรงงานยากอีก พ่อค้า แม่ค้า ตลาด กดราคาอีก วนเวียน ไม่รู้ จบ สวนพี่บรีส คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะเม็ดเงิน มันไหลเข้ามาไม่รู้จบ   ถ้าเป็น  ชาวบ้านที่ต้องลงทุน กู้หนี้ ยืมเขามา คงหงายเงิบ ระนาว
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 [29] 30   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: